ถึงแม้สุนัขจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ รู้ใจมนุษย์มาช้านาน
แต่ทว่าเจ้าสี่ขาตัวนี้ก็มีเรื่องลับ ๆ ซ่อนอยู่มากมายให้ค้นหาได้ไม่รู้จบ
อย่างน้อย ๆ ก็เชื่อว่าจะต้องมี 1 ใน 13 เรื่องเหล่านี้ที่คนรักน้องหมาอาจจะยังไม่รู้มาก่อนอย่างแน่นอน เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราไปดูกันดีกว่า
ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
1. สมองรับกลิ่นของสุนัขใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 40 เท่า
เนื่องจากสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับรู้กลิ่นของสุนัขมีขนาดใหญ่กว่าในสมองของ มนุษย์ถึง 40 เท่า และในขณะเดียวกันต่อมรับกลิ่นที่จมูกของสุนัขก็มีต่อมรับกลิ่นมากถึง 1 ล้านต่อม ดังนั้นจึงส่งผลให้สุนัขสามารถแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ได้มากกว่ามนุษย์ประมาณ 1,000 เท่า ซึ่งมนุษย์ก็ได้นำประโยชน์จากจุดนี้มาใช้ในการค้นหายาเสพติด ศพ ระเบิด หรืออื่น ๆ อีกมากมายนั่นเอง
1. สมองรับกลิ่นของสุนัขใหญ่กว่ามนุษย์ถึง 40 เท่า
เนื่องจากสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับรู้กลิ่นของสุนัขมีขนาดใหญ่กว่าในสมองของ มนุษย์ถึง 40 เท่า และในขณะเดียวกันต่อมรับกลิ่นที่จมูกของสุนัขก็มีต่อมรับกลิ่นมากถึง 1 ล้านต่อม ดังนั้นจึงส่งผลให้สุนัขสามารถแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ ได้มากกว่ามนุษย์ประมาณ 1,000 เท่า ซึ่งมนุษย์ก็ได้นำประโยชน์จากจุดนี้มาใช้ในการค้นหายาเสพติด ศพ ระเบิด หรืออื่น ๆ อีกมากมายนั่นเอง
นักวิจัยได้เผยว่า สุนัขมีรูปแบบการนอนกับการทำงานของสมองคล้ายคลึงกับมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากพบว่า สุนัขเห่าหอนทั้ง ๆ ที่กำลังนอนหลับ เพราะมันหมายความว่าสุนัขของคุณกำลังฝันอยู่นั่นเอง และสุนัขพันธุ์เล็กก็มีแนวโน้มที่จะฝันบ่อยกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ นอกจากนี้นิตยสารไซโคโลจี ทูเดย์ นิตยสารที่รวมทุกเรื่องราวเกี่ยวกับจิตวิทยา ยังแนะนำเพิ่มเติมด้วยว่า สุนัขมักจะมีความฝันที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเช่น การวิ่งเล่นนอกบ้าน หรือไล่กัดหางตัวเอง เป็นต้น
3. ลายบนจมูกของสุนัขแต่ละตัวแตกต่างกัน
รอยย่นบนจมูกของสุนัขนั้นเปรียบได้กับลายนิ้วมือของมนุษย์ เพราะถ้าหากสังเกตดูดี ๆ ก็จะเห็นว่ารูปแบบรอยย่นบนจมูกของสุนัขแต่ละตัวแตกต่างกัน เช่นเดียวกับรอยนิ้วมือของมนุษย์ ที่ต่างก็มีรูปแบบลายนิ้วมือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลนั่นเอง
รอยย่นบนจมูกของสุนัขนั้นเปรียบได้กับลายนิ้วมือของมนุษย์ เพราะถ้าหากสังเกตดูดี ๆ ก็จะเห็นว่ารูปแบบรอยย่นบนจมูกของสุนัขแต่ละตัวแตกต่างกัน เช่นเดียวกับรอยนิ้วมือของมนุษย์ ที่ต่างก็มีรูปแบบลายนิ้วมือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลนั่นเอง
4. สุนัขมีความฉลาดเทียบเท่ากับเด็ก 2 ขวบ
สแตนเลย์ คอเลน นักวิจัยและนักเขียนเกี่ยวกับเรื่องสุนัขเผยว่า สมองของสุนัขมีความฉลาดเทียบเท่ากับเด็กอายุ 2 ขวบ โดยสุนัขนั้นสามารถจดจำคำศัพท์ต่าง ๆ ได้มากกว่า 150 คำ ในขณะเดียวกันก็สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ สร้างเล่ห์เหลี่ยม เพื่อหลอกล่อมนุษย์กับสุนัขตัวอื่น ๆ ได้ดี แต่ทั้งนี้ความฉลาดของสุนัขแต่ละตัวก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
5. สุนัขผสมพันธุ์ปีละ 2 ครั้ง
สุนัขเพศเมียจะมีช่วงเป็นสัด หรือฤดูผสมพันธุ์ ปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังจะเลี้ยง หรือเลี้ยงดูสุนัขเพศเมีย จึงควรจะมีการวางแผนป้องกันและเตรียมการอย่างระมัดระวัง สำหรับการตั้งครรภ์ของสุนัขด้วย
สแตนเลย์ คอเลน นักวิจัยและนักเขียนเกี่ยวกับเรื่องสุนัขเผยว่า สมองของสุนัขมีความฉลาดเทียบเท่ากับเด็กอายุ 2 ขวบ โดยสุนัขนั้นสามารถจดจำคำศัพท์ต่าง ๆ ได้มากกว่า 150 คำ ในขณะเดียวกันก็สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ สร้างเล่ห์เหลี่ยม เพื่อหลอกล่อมนุษย์กับสุนัขตัวอื่น ๆ ได้ดี แต่ทั้งนี้ความฉลาดของสุนัขแต่ละตัวก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
5. สุนัขผสมพันธุ์ปีละ 2 ครั้ง
สุนัขเพศเมียจะมีช่วงเป็นสัด หรือฤดูผสมพันธุ์ ปีละ 2 ครั้ง ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังจะเลี้ยง หรือเลี้ยงดูสุนัขเพศเมีย จึงควรจะมีการวางแผนป้องกันและเตรียมการอย่างระมัดระวัง สำหรับการตั้งครรภ์ของสุนัขด้วย
6. สะบัดหางสื่ออารมณ์
คุณสามารถสังเกตอารมณ์ของสุนัขได้จากหาง โดยถ้าสุนัขรู้สึกมีความสุขก็จะสะบัดหางไปทางขวา ในกลับกันสุนัขจะสะบัดหางไปทางซ้ายเมื่อรู้สึกหวาดกลัว และจะกดหางลงหากกำลังตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายหรือไม่ปลอดภัย ส่วนสุนัขที่กำลังโดนบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวก็มักจะสะบัดหางแรง ๆ ลูกตาดำขยาย เกร็งกล้ามเนื้อ และมีการส่งเสียงเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม
7. ลูกสุนัขเกิดใหม่จะตาบอดและหูหนวก
เนื่องจากอวัยวะของลูกสุนัขเกิดใหม่ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ซึ่งนิตยสารไซโคโลจี ทูเดย์ จึงได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้หูและตาของลูกสุนัขเกิดใหม่ส่วนใหญ่ยังคงปิดสนิท โดยลูกสุนัขจะเริ่มตอบสนองข้อมูลต่าง ๆ ได้หลังจากผ่านช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอดไปแล้ว
คุณสามารถสังเกตอารมณ์ของสุนัขได้จากหาง โดยถ้าสุนัขรู้สึกมีความสุขก็จะสะบัดหางไปทางขวา ในกลับกันสุนัขจะสะบัดหางไปทางซ้ายเมื่อรู้สึกหวาดกลัว และจะกดหางลงหากกำลังตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อันตรายหรือไม่ปลอดภัย ส่วนสุนัขที่กำลังโดนบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวก็มักจะสะบัดหางแรง ๆ ลูกตาดำขยาย เกร็งกล้ามเนื้อ และมีการส่งเสียงเพื่อข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม
7. ลูกสุนัขเกิดใหม่จะตาบอดและหูหนวก
เนื่องจากอวัยวะของลูกสุนัขเกิดใหม่ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา ซึ่งนิตยสารไซโคโลจี ทูเดย์ จึงได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงนี้หูและตาของลูกสุนัขเกิดใหม่ส่วนใหญ่ยังคงปิดสนิท โดยลูกสุนัขจะเริ่มตอบสนองข้อมูลต่าง ๆ ได้หลังจากผ่านช่วง 2 สัปดาห์หลังคลอดไปแล้ว
8. สุนัขมีสัมผัสที่ 6 เหมือนมนุษย์
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2553 ระบุว่า สุนัขกว่า 67 เปอร์เซ็นต์ มีท่าทีต่อเจ้าของเปลี่ยนแปลงไปก่อนที่พายุจะมาถึง ส่วนอีก 33 เปอร์เซ็นต์ ของสุนัขที่เหลือจะแสดงอาการแปลก ๆ ออกมาก่อนที่จะมีเหตุการณ์ร้าย ๆ บางอย่างเกิดขึ้น โดยสุนัขมักจะแสดงออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน อย่างเช่น การส่งเสียงครางเบา ๆ หรือพยายามหาที่ซ่อนตัว เป็นต้น
9. สุนัขระบายเหงื่อผ่านทางอุ้งเท้า
ถึงแม้ว่าสุนัขจะใช้วิธีการหายใจเข้า-ออกแรง ๆ เพื่อระบายความร้อนจากภายในร่างกายออกมาเป็นส่วนใหญ่ อย่างที่หลาย ๆ คนสังเกตเห็น แต่สุนัขก็มีวิธีการลดอุณหภูมิในร่างกาย โดยการขับเหงื่อออกมาผ่านทางอุ้งเท้าทั้ง 4 ข้างด้วยเช่นกัน
10. อุ้งเท้าสุนัขอาจมีกลิ่นคล้ายข้าวโพด
เจ้าของสุนัขบางคนอาจจะได้กลิ่นคล้ายกับข้าวโพดทอดกรอบหรือป๊อปคอร์น เมื่อไปใกล้ ๆ ตัวสุนัข ซึ่งกลิ่นในลักษณะดังกล่าวมักจะเกิดขึ้น หลังจากมีแบคทีเรีย หรือฟังไจ เข้าไปปะปนอยู่กับเหงื่อที่ถูกขับออกมาใต้อุ้งเท้า และถ้าหากสุนัขใช้ลิ้นเลียบริเวณดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายได้ ดังนั้นผู้ที่เป็นเจ้าของจึงควรหมั่นดูแลและทำความสะอาดอุ้งเท้าของสุนัข เป็นประจำด้วย
11. กลิ่นปากบอกสุขภาพ
กลิ่นปากเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เจ้าของไม่ควรละเลย เพราะสุนัขที่มีกลิ่นปากส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ฉะนั้นหากเป็นไปได้เจ้าของสุนัขควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
เจ้าของสุนัขบางคนอาจจะได้กลิ่นคล้ายกับข้าวโพดทอดกรอบหรือป๊อปคอร์น เมื่อไปใกล้ ๆ ตัวสุนัข ซึ่งกลิ่นในลักษณะดังกล่าวมักจะเกิดขึ้น หลังจากมีแบคทีเรีย หรือฟังไจ เข้าไปปะปนอยู่กับเหงื่อที่ถูกขับออกมาใต้อุ้งเท้า และถ้าหากสุนัขใช้ลิ้นเลียบริเวณดังกล่าวก็อาจจะส่งผลให้เกิดโรคร้ายได้ ดังนั้นผู้ที่เป็นเจ้าของจึงควรหมั่นดูแลและทำความสะอาดอุ้งเท้าของสุนัข เป็นประจำด้วย
11. กลิ่นปากบอกสุขภาพ
กลิ่นปากเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เจ้าของไม่ควรละเลย เพราะสุนัขที่มีกลิ่นปากส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับช่องปาก หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ฉะนั้นหากเป็นไปได้เจ้าของสุนัขควรพาสุนัขไปพบสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
12. สุนัขกินอุจจาระไม่ใช่เรื่องแปลก
สำหรับมนุษย์เรื่องดังกล่าวอาจจะดูเป็นเรื่องชวนขยะแขยง แต่สำหรับสุนัข การกินอุจจาระของตัวเองหรือสัตว์อื่น ๆ ถือเป็นเรื่องธรรมดา โดย ASPCA หรือสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า อาจจะเป็นเพราะสุนัขมักจะถูกลงโทษเมื่อขับถ่ายไม่เป็นที่ ดังนั้นสุนัขจึงติดนิสัยดังกล่าวมา เพื่อหลบเลี่ยงการโดนลงโทษ แม้จะอยู่ในวัยเจริญพันธุ์แล้วก็ตาม
13. ต่อมใต้ก้นสุนัขผลิตกลิ่นเฉพาะตัว
ต่อมกลิ่นตัวของสุนัขจะอยู่บริเวณใต้ก้นของสุนัข ซึ่งสุนัขจะดมบริเวณดังกล่าวเพื่อระบุตัวตนของสุนัขแต่ละตัว อีกทั้งต่อมดังกล่าวยังทำหน้าที่ผลิตสารที่สุนัขใช้ในการแสดงอาณาเขตของตัว เองอีกด้วย
หลังจากที่ทุกคนได้รู้ความจริงทั้ง 13 เรื่องที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปแล้ว ก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเลี้ยงดูสุนัขให้กับคุณได้มาก ยิ่งขึ้นนะคะ
แหล่งที่มา http://pet.kapook.com/view87765.html
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/914862415443901/
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/914862415443901/
No comments:
Post a Comment