ยลโฉม
เจ้าตูบมีทตี้ สุนัขพิทบลูที่มีใบหน้าเป็นเอกลักษณ์ มีรอยยิ้มประทับอยู่บนหน้าตลอดเวลา
หลังจากโชคดีถูกรับมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์สัตว์
เจ้าตูบตัวนี้มีชื่อว่า มีทตี้ แต่จริง ๆ แล้วนั่นก็ไม่ใช่ชื่อเดียวของมันหรอก เพราะจริง ๆ แล้วเจ้าตูบตัวนี้มันมีหลายชื่อมาก ไม่ว่าจะเป็น มีทตี้ แมคมีท หรือ เดอะมีทสเตอร์ นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่า คุณเจ้าของอาจจะรักและหลงมันเอาเสียมาก ๆ จนหยุดตั้งชื่อน่ารัก ๆ กับมันให้อยู่ตลอดเวลาไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าเรียกชื่อมันสั้น ๆ ว่าเจ้ามีทตี้ละกัน
เจ้ามีทตี้เป็นสุนัขเพศผู้ สายพันธุ์พิทบลูผสม โดยวันที่ 30 สิงหาคม 2559 เว็บไซต์ The Dodo เผยว่า เมื่อ 2 ปีก่อน เจ้ามีทตี้ได้รับการช่วยเหลือไปไว้ที่ศูนย์สงเคราะห์สัตว์ในเมืองเซนทรัล วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา แต่มันก็ยังไม่เคยได้รู้จักคำว่ารักเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์มาโปรด เมื่อ ลิซ่า รีลลี ได้พบรูปของมันในเว็บไซต์ของสถานสงเคราะห์ และเกิดถูกชะตากับมัน เนื่องจากมันทำให้เธอนึกถึงเจ้าคิตตี้ สุนัขตัวเก่าของเธอที่ตายไปเมื่อ 3 เดือนก่อน
หลังจากนั้นลิซ่า
จึงตัดสินใจเดินทางไปหาเจ้ามีทตี้ ครั้งแรกที่ได้เห็นมัน สภาพน่าสงสารจริง ๆ แต่หลังจากนั้นทางศูนย์ก็ดูแลรักษาจนมันแข็งแรงพอที่ลิซ่าจะสามารถรับมันไป
เลี้ยงได้ และสิ่งที่ทำให้เธอต้องแปลกใจก็คือ เมื่อเจ้ามีทตี้ได้เจอกล้อง มันจะยิ้มกว้างอย่างสุด
ๆ
หลังจากนั้น เจ้ามีตตี้ ก็ได้มาอยู่ที่บ้านของลิซ่า พร้อมหน้าพร้อมตากับตูบเจ้าถิ่นที่เธอรับมาเลี้ยงก่อนหน้านี้ได้แก่ เจ้าพังกี้ และริคาร์โด ทับส์ พันธุ์พิทบลู 2 ตัว และพันธุ์ดัชชุนด์อีก 2 ตัว คือเจ้าบิทตี้และแดปเป้ ซึ่งรุ่นพี่ต่างก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนรุ่นน้องตัวนี้จะใหญ่ไปหน่อย แย่งที่จนเต็มโซฟาเลยเชียว
และ
ด้วยลักษณะตัวของเจ้ามีทตี้ ที่อ้วนกลมปุ๊กลุ๊กจนดูเหมือนลูกชิ้นนี่เอง จึงเป็นที่มาของชื่อมันว่า
มีทบอล (Meatball)
หรือเรียกสั้น ๆ ว่ามีทตี้นั่นเอง
ลิซ่าเผยว่า เจ้ามีทตี้เป็นสุนัขที่ร่าเริงและขี้เล่น จะได้เห็นรอยยิ้มอยู่บนใบหน้ามันเสมอ ใครที่ได้อยู่ใกล้หรือได้เห็นมันก็ต้องยิ้มมีความสุขตามไปด้วย เธอกล้าพูดได้เลยว่า ไม่มีใครที่อยู่ใกล้มันแล้วจะไม่ยิ้มออกมา โดยหลังจากที่ลิซ่าเริ่มสร้างอินสตาแกรมโพสต์รูปของเจ้ามีทตี้ ก็มีผู้คนชื่นชอบเอ็นดูมากดติดตามมากกว่า 30,000 คน เลยทีเดียว
ภาพจาก
Instagram
loveabulllisa
http://pet.kapook.com/view155981.html
No comments:
Post a Comment