Monday, January 30, 2017

วิธีกำจัดเห็บสุนัข





วิธีกำจัดเห็บหมา ในช่วงของอากาศชื้น ฝนตก บริเวณบ้าน 

สำหรับผู้ที่รักสุนัข และกำลังปวดหัวกับเห็บ ไร หมัด ที่เกาะติดตัวสุนัขตัวโปรด และไต่คลานในบ้านหรือบริเวณบ้าน เรามีวิธีการแก้ไขปัญหาได้ ลองดูนะค่ะ 

กำจัดเห็บสุนัข :

ขั้นที่ 1 ดึงเห็บหมาที่ติดกับตัวสุนัขออกก่อนถึงไม่ทั้งหมดก็ตาม หากบี้หรือทุบตัวเห็บ ให้เอาตัวเห็บ ใส่ในน้ำที่ผสมผงซักฟอก หรือ น้ำมันเครื่อง  ถ้าคุณบี้หรือทุบให้แตก ไข่มันจะยิ่งแตกตัวเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ขั้นที่ 2 ใช้ไบติคอล 6 % 10 ซีซี ผสมน้ำ 15 ลิตร (ใช้ถังสีก็ได้)

ขั้น ที่ 3 นำสุนัขอาบน้ำด้วยน้ำยากำจัดเห็บ หมัด ไร โดยเฉพาะของสุนัข อาบ 2 รอบ แล้วราดน้ำไบติคอลเจือจางที่ผสมแล้วล้างอีกรอบสุดท้าย  จากนั้นเช็ดตัวให้สะอาด

ขั้น ที่ 4 หรือจะนำน้ำไบติคอล 6 % ที่ได้รับการผสมแล้ว ใส่ในฟ็อกกี้ ฉีดพ่นที่ตัวสุนัขบริเวณที่เห็บให้ทั่ว ระวังอย่าให้เข้าตา และห้ามให้สุนัขเลียเด็ดขาด คุณอาจต้องใช้ลำโพงให้สุนัขก่อน วิธีนี้สามารถฉีดพ่นทุกๆ สัปดาห์ละครั้ง ก็ได้ แต่อย่าบ่อยเกินไป เพราะไบติคอลสามารถควบคุมเห็บได้นาน 2-3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความสะอาดของตัวสุนัข และสถานที่

ขั้น ที่ 5  นำน้ำไบติคอลเจือจางที่เหลือจากอาบสุนัข หรือฉีดพ่นสุนัขแล้ว ราดบริเวณบ้านที่เป็นดิน หรือ สนามหญ้า รอบๆอบริเวณบ้าน จะกำจัดเห็บ หมัดได้ หรือ ราดบริเวณพื้นที่คาดว่าเห็บ หมัด จะเข้ามาบริเวณบ้าน หรือ กรงสัตว์เลี้ยง กำแพงบ้าน กำแพงรั้วเป็นต้น

อาจจะเป็นงานใหญ่สำหรับบ้านหน่อย แต่เพื่อความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยง และตัวคุณเอง ยังไงก็ต้องทำ ทำอย่างน้อย 2สัปดาห์/ครั้งนะค่ะ  ส่วนอาบน้ำก็ใช้สัปดาห์ละครั้ง ก็พอค่ะ หรือ 2 สัปดาห์ครั้งก็ได้ค่ะ

หากไม่มีเวลา จะใช้แป้งโรยตัวสุนัขกำจัดเห็บ หมัดก็ได้ แต่อย่าให้เลียนะค่ะ เพราะสุนัขอาจช็อคตายได้ ควรใส่ลำโพงที่คอให้เค้าก่อนพอเห็บตาย แล้วให้ไปล้างตัวสุนัขออกนะค่ะ ถ้าแป้งมันซึมเข้าผิวหนังในปริมาณมากเกินไป สุนัขอาจตายได้เหมือนกัน ฉะนั้น ต้องพิถีพิถันและหัดสังเกต อาการของสุนัข เมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ด้วย

กรณีที่สุนัขได้รับสารเหล่านี้มากเกินไป :

อาการ : ตัวซีด จมูกซีด ปากขาวซีด ขาอ่อนปวกเปียก เดินเซ และล้มลง หายใจรวยริน ตาลอย

วิธีการแก้พิษเบื้องต้น : ให้รีบนำตัวสุนัขไปล้างน้ำเอาสารเหล่านี้ออกให้หมด แล้วเช็ดตัวแห้ง รอดูอาการ หากเห็นว่าไม่ดีขึ้น ให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์
 
กรณี ที่สุนัขกินยาพิษ : วิธีบ้านนอกเรา ใช้ไข่ขาว (ไก่) ผสมผงชูรส กรอกเข้าไปที่ปากเข้า เมื่อเค้าอ๊วกออกมา จะมีสีเขียวคล้ำ บรรเทาอาการเค้าได้ในระดับหนึ่งก่อนถึงมือแพทย์ค่ะ 

ส่วนบริเวณพื้นบ้าน ที่ไม่ใช่สนามหญ้าหรือบริเวณที่ปลูกต้นไม้นะค่ะ ให้ใช้ น้ำยาฆ่าเชื้อเข้มข้น ไลโซน 1 ฝา ผสมน้ำ20 ลิตร (ถังสี) ราดบริเวณพื้นบ้านรอบๆ หรือใช้ม็อบ หรือ ผ้าถูบ้านซุบ น้ำไลโซนที่ผสมเสร็จแล้ว ถูบริเวณบ้านจะฆ่าเชื้อโรคได้สนิทใจ มั่นใจว่าปลอดเชื้อแน่นอน แต่กลิ่นอาจเหมือนยาฆ่าเชื้อ รพ. ไลโซน เหมาะสำหรับ บ้านที่ชอบเลี้ยงสัตว์ หรือ อยู่ในที่มีมลพิษ และสกปรกมากๆนะค่ะ

ไลโซนขวดละ 100-200 บาท ซื้อได้ตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วไป
ไบติคอล 10 ซี = 150 บาท  ร้านขายอาหารสัตว์ หรือ คลีนิคสัตว์

กรณีมีเห็บในหู ก็ใช้ไบติคอลฉีดเข้าไปได้ เห็บมันก็จะตาย ไม่ต้องฉีดเยอะนะค่ะ เอาแค่พอดี และให้น้ำยาโดนเห็บก็พอ ถ้าหูเล็กก็ใช้วิธีหยอดหูเอาก็ได้ค่ะ 

จิรภิญญา 
แหล่งที่มา  http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=2dea9686c19a6134
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/70087337925980290/


Sunday, January 29, 2017

ทำไม สุนัข และ แมว ที่หลงหาทางกลับบ้านเองได้




เรื่องสุนัขและแมวที่หลงหาทางกลับบ้านเองได้ทั้งที่อยู่ห่างไกลเป็นพันกิโลเมตร คิดว่าท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินมาบ้างไม่มากก็น้อย เรามักตั้งคำถามว่าสัตว์เหล่านี้ทำได้อย่างไร แล้วมันทำได้จริงหรือ ถึงแม้นิยายเรื่องการหาทางกลับบ้านของสัตว์เหล่านี้จะถูกเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ความสำเร็จของมันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ เราคิด สัตว์บางตัวอาจจะโชคดีที่ไปถูกทางที่จะไปบ้าน เพราะทิศที่จะเดินทางกลับบ้านมีแค่ 4 ทิศ คือ เหนือไต้,ตะวันออก และตะวันตก ถ้าโชคดีเลือกถูกทางถึงบ้าน และบางทีแมวตัวที่กลับมาบ้านอาจไม่ใช่แมวตัวที่หายไป จริง ๆ แล้วสุนัขและแมวมีความสามารถในการคิดแผนที่ภายใต้จิตสำนึกของมัน

นกเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถนำตัวเองไปสู่เป้าหมายที่กำหนดได้ และการศึกษาวิธีการที่นกใช้ในการนำทางกลับบ้าน ก็มีการศึกษามาต่อเนื่องยาวนานหลายปี และคำตอบอยู่ในสมมติฐานข้างล่างนี้ ตรวจสอบภูมิประเทศโดยตรง เรียนรู้ หรือ จดจำ แผนที่ทางภูมิศาสตร์ สำรวจมุมและตำแหน่งของดวงอาทิตย์ (และบางทีอาจเป็นสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์) นำทางโดยอาศัยสนามแม่เหล็กโลก (โดยอาศัยความสามารถพิเศษในการรับรู้คลื่นแม่เหล็กที่อ่อนมาก ๆ โดยอาศัยตัวรับที่ผิวหนังบริเวณจะงอยปาก) 

สุนัขและแมวสามารถหาทางกลับบ้านเองได้หรือไม่ คำตอบ คือ ถ้าที่ห่างไกลนั้นเป็นที่ที่สุนัขและแมวคุ้นเคยอยู่ สัตว์หาทางกลับบ้านเองได้แน่นอน เพราะสุนัขและแมวมักไปเที่ยวไกล ๆ แล้วกลับบ้านเอง แต่ถ้าทิ้งสัตว์ไว้ในที่ ๆ ไม่คุ้นเคยและไกลมาก ๆ มันจะหาทางกลับบ้านเองได้หรือไม่

มีการศึกษา เรื่องการหาทางกลับบ้านของสัตว์เลี้ยง โดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ วัตถุประสงค์ในการศึกษาเพื่อค้นคว้าขบวนการทางจิต ที่อาจซ่อนอยู่ในการหาทางกลับบ้านของสัตว์เลี้ยงเมื่อหลงทางไปในที่ไกล ๆ ผลการศึกษาออกมาว่าสุนัขสามารถหาทางกลับบ้านเองได้ แต่วิธีการที่สุนัขใช้ยังไม่สามารถอธิบายได้ 
เนื่องจากผลการศึกษาอาจละเว้นข้อเท็จจริงบางอย่างโดยไม่พูดถึงในงานวิจัย เช่น เขารู้ได้อย่างไรว่าสุนัขไม่เคยไปในจุดเริ่มต้นปล่อยสุนัขมาก่อน สุนัขจดจำเส้นทางได้โดยสุนัขไม่ได้ถูกปิดตาหรือจำกัดให้อยู่ในที่ที่ไม่ สามารถมองเห็นเส้นทางได้หรือเปล่า หรือให้สุนัขจดจำเส้นทางโดยการดมกลิ่นหรือฟังเสียง สุนัขถูกปล่อยให้หาทางกลับโดยปล่อยจากจุดใกล้แล้วค่อยปล่อยไกลออกไปเรื่อย ๆ หรือไม่ ฯลฯ

การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ทุกสิ่งจะต้องสามารถอธิบายได้ และต้องชัดเจน ต้องอธิบายได้ว่าสัตว์จดจำแผนที่ไว้ในสมองได้อย่างไร สันชาติญาณป่าเป็นแรงผลักดันให้สัตว์หาทางกลับบ้านและอาหาร 
สุนัขที่หลงทางหากหาทางกลับบ้านไม่ได้ก็เท่ากับสุนัขอาจต้องตาย การหาทางกลับบ้านจึงเป็นความท้าทายของสุนัขที่ต้องหาแหล่งอาหารและที่พัก เพื่อความอยู่รอด ยีนที่ควบคุมสันชาติญาณป่าอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมมา

สุนัขป่ามักหาทางไปยังแหล่งใหม่ ๆ ได้ในอาณาเขตที่มันหากินอยู่ เป็นไปได้ว่าสุนัขอาศัยสิ่งที่สังเกตได้ เช่น ต้นไม้สูง หรือกลิ่นเป็นเครื่องนำทาง ซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในบางครั้ง

แหล่งที่มา  www.teen.teenee.com
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81-921421894809/

Saturday, January 28, 2017

นิสัยคนรัก ... คล้ายสุนัขพันธุ์ไหน?


สุนัขพันธุ์เกรดเดน

ผู้ชายวันอาทิตย์
ดูดีเหมือนสุนัขพันธุ์เกรดเดน ซึ่งเป็นสุนัขทำงาน ฉลาด อกผายไหล่ผึ่ง ลำตัวตรง รักอิสระ ผู้ชายวันนี้จึงมักมีความเป็นผู้นำในตัวเองสูง ออกจะดื้อบ้าง เหมือนกับเจ้าเกรทเดน ที่เวลาเรียกแล้วมักไม่ค่อยจะยอมมาหาเจ้าของ ดูจากภายนอกเป็นคนที่มีบุคลิกดี แต่งตัวมีสไตล์ มีระเบียบ รักความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบให้ใครวุ่นวายกับชีวิตมากนัก จิตใจแฝงไปด้วยสัญชาตญาณของนักล่า เรียกว่าเผลอเป็นไม่ได้

ข้อแนะนำในการเลี้ยงดู : ชายหนุ่มวันอาทิตย์ ไม่ชอบคนจู้จี้ อย่าไปยุ่งกับเขามาก และต้องพยายามชื่นชมในความเป็นฮีโร่ของเขา

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์
ผู้ชายวันจันทร์
สุนัขแสนเชื่องอย่างโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ดูจะคล้ายกับบุคลิกของหนุ่มวันจันทร์อย่างมาก มีเสน่ห์ ใจอ่อน ไม่ถือตัว ใครขว้างอะไรไปก็คาบกลับมาให้หมด ดังนั้นผู้ชายพันธุ์นี้จึงมักเป็นนิยมชมชอบของสาว ๆ ทั้งหลาย เพราะทั้งเอาใจเก่ง และ ก็ตามใจเก่งด้วย แถมมีจุดเด่นเรื่องความซื่อสัตย์ แต่ไม่ควรวางใจ เพราะบางครั้งถ้ามีใครเอาของกินมาล่อ ก็อาจจะเดินตามเขาไปได้ง่าย ๆ
ข้อแนะนำในการเลี้ยงดู : สาว ๆ ที่เป็นเจ้าของชายหนุ่มวันจันทร์ ต้องใส่ปลอกคอและล่ามโซ่ให้ดี เพราะนอกจากจะเป็นที่นิยมแล้ว ความใจอ่อนของเขาทำให้มีโอกาสจะเผลอใจวิ่งตามเจ้าของใหม่ได้ง่าย ๆ
 
พิทบูล 
ผู้ชายวันอังคาร
ความขึงขังของสุนัขพิทบูล เปรียบได้กับความมุ่งมั่นในตัวของหนุ่มวันอังคาร มีชีวิตอยู่ได้ด้วยอุดมการณ์ เขาจึงเป็นคนที่มีความคาดหวังในชีวิตสูงกว่าคนอื่น และเมื่อใดที่พบกับความผิดหวัง ผู้ชายพันธุ์นี้ก็จะแสดงความดุร้ายออกมาในทันที นอกจากนี้ เขายังมีสมาธิในการทำงานดี แต่บางครั้งอาจจะมากจนไม่รู้ว่าอะไรสำคัญก่อนหลัง

ข้อแนะนำในการเลี้ยงดู : สุนัขมักชอบกินของหวาน ชายหนุ่มพันธุ์นี้จึงชอบฟังคำพูดหวาน ๆ คุณต้องพยายามพูดเพราะ ๆ กับเขามาก ๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีเรื่องทะเลาะกัน แนะนำว่าคุณควรหนีไปไกล ๆ เพราะขนาดโซ่ยังล่ามไม่อยู่เลย


ชิวาว่า
ผู้ชายวันพุธ
ความฉลาดแสนรู้ของสุนัขพันธุ์ชิวาว่า ก็เหมือนสติปัญญาอันปราดเปรื่องของหนุ่มวันพุธ ลักษณะพิเศษคือเรียนรู้รวดเร็ว สอนอะไรก็จำ ชอบศึกษาค้นคว้าสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกเลยที่เรามักจะเห็นชายหนุ่มวันพุธ ชอบใช้เวลาอยู่กับการอ่านหนังสือพิมพ์ และเพราะความที่เป็นคนที่รู้มาก ทำให้สมองของเขามีข้อมูลที่หลากหลายจนหลายครั้ง ส่งผลให้เป็นคนโลเล หรือ ไม่กล้าตัดสินใจ

ข้อแนะนำในการเลี้ยงดู : สุนัขพันธุ์ชิวาว่า ต้องการคนดูแลเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มวันพุธก็เช่นกัน คุณต้องให้ความสำคัญกับคำพูดหรือความคิดเห็นของเขาให้มาก ไม่งั้นเขาอาจจะงอน จนไม่ยอมกินข้าวเลยก็ได้

เซ็นเบอร์นาร์ด
ผู้ชายวันพฤหัสฯ
ความหนักแน่นและใจดีของสุนัขพันธุ์เซ็นเบอร์นาร์ด เปรียบได้กับความสุขุมนุ่มลึกของชายหนุ่มวันพฤหัส สุนัขพันธุ์นี้มักจะถูกใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ชายหนุ่มพันธุ์นี้ก็เช่นกัน เขาเป็นคนใจดีขี้สงสาร ชอบช่วยเหลือคนอื่น เคารพหลักการและเข้าใจเรื่องเหตุผล แต่กลับไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของแฟนตัวเองสักเท่าไร

ข้อแนะนำในการเลี้ยงดู : สุนัขตัวใหญ่อย่างเซ็นเบอร์นาร์ดค่อนข้างจะฝึกยาก ผู้ชายวันพฤหัสก็เช่นกัน เขาเป็นคนที่ชอบอธิบาย ชอบสอนคนอื่น จึงเป็นเรื่องยากมาก ๆ ถ้าคุณคิดจะไปสอนหรือไปสั่งอะไรกับชายหนุ่มคนนี้

พุดเดิ้ล

ผู้ชายวันศุกร์
ความน่ารักและดูดีของสุนัขพุดเดิ้ล ก็เหมือนเสน่ห์ของผู้ชายวันศุกร์ พุดเดื้ลเป็นสุนัขประเภทสวยงาม ชายหนุ่มพันธุ์นี้ก็เช่นกัน เขาชอบความสวยงาม หรูหรา ความสนุกสนานบันเทิงพิถีพิถันกับทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องแต่งตัว ไปจนถึงเรื่องบรรยากาศของสถานที่กินข้าว แถมยังมีอารมณ์ศิลปิน ดังนั้นการคาดเดาอารมณ์ของเขาจึงเป็นเรื่องยาก

ข้อแนะนำใน การเลี้ยงดู : สุนัขพุดเดิ้ลจะต้องอาบน้ำ และตัดขนค่อนข้างบ่อย สาว ๆ เจ้าของผู้ชายพันธุ์นี้จึงต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา เพราะสายตาเขาชอบชื่นชมของสวย ๆ งาม ๆ
และข้อควรระวัง คือ พุดเดิ้ลเป็นสุนัขขี้เล่น คุณคงต้องดูแลให้ดี เพราะเดี๋ยวจะถูกคนอื่นอุ้มไปได้ง่าย ๆ

สุนัขไทย
ผู้ชายวันเสาร์
เจ้าสี่ขาที่เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย คงหนีไม่พ้นสุนัขไทย ซึ่งชายหนุ่มวันเสาร์ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน จุดเด่นของเขาก็คือความติดดิน ไม่ค่อยจะเรื่องมาก ไปได้ทุกที่ กินได้ทุกอย่าง มีน้ำอดน้ำทนเป็นเลิศ แต่ถ้าจะว่ากันถึงเรื่องความสวยงามความเป็นระเบียบ สุนัขไทยคงจะสู้สายพันธุ์อื่น ๆ ไม่ได้ ชายหนุ่มวันเสาร์ก็เช่นเดียวกัน เขาจะมีให้แต่ความจริงใจ แต่ไร้ซึ่งถึงความโรแมนติก

ข้อแนะ นำในการเลี้ยงดู : สุนัขไทย ดูเหมือนจะเป็นพันธุ์ที่เลี้ยงง่ายที่สุด แต่ชายหนุ่มของคุณลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่คิดมาก การที่เห็นว่าเขาเป็นคนง่าย ๆ ไม่ได้หมายความว่า เขาไม่ได้คิดอะไร ดังนั้นการใช้คำพูดที่ไม่ระวัง อาจทำให้สุนัขของคุณน้อยใจจนหนีออกจากบ้านได้

บทความจาก love.giggog.com, http://horoscope.mthai.com/horoscope-habit/4781.html
เครดิตภาพ 
https://www.pinterest.com/pin/338121884538844083/

Wednesday, January 18, 2017

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับน้องหมา




1. สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงของคนมาตั้งแต่ 15,000 ปีที่แล้ว และมันก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นเพื่อนซี้ของคนมานานแล้วเช่นกัน

2. สุนัขเป็นตัวตรวจจับมะเร็ง เบาหวาน และลมบ้าหมูได้เป็นอย่างดี เพราะจมูกที่สุดแสนจะอัจฉริยะของมัน ทำให้ปัจจุบัน สุนัขหลายตัวถูกนำมาฝึกเพื่อดมกลิ่นมะเร็งปอด หน้าอก ผิวหนัง และต่อมลูกหมากโดยเฉพาะ

3. สุนัขสามารถรู้อะไรได้เทียบเท่ากับเด็ก 2 ขวบ โดยจากงานวิจัยพบว่า สุนัขเข้าใจคำพูดคนถึง 200 คำ

4. สุนัขพันธุ์ที่ฉลาดที่สุด ได้แก่ พุดเดิ้ล เยอรมันเชพเพิร์ด โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และโดเบอร์แมน

5. รูปทรงของใบหน้าสุนัขสามารถบอกได้ว่ามันมีอายุยืนยาวแค่ไหน โดยสุนัขที่มีหน้าเรียวแหลม และยาว มีแนวโน้มจะมีอายุยืนกว่าสุนัขที่มีหน้าสั้น บู้บี้
  
6. ชายผู้เลี้ยงสุนัขมากที่สุดในโลก คือนายคิวบลา คาน ผู้มีสุนัขมาสทิฟส์ในอาณัติกว่า 5,000 ตัว

7. ชื่อสุนัขตัวผู้ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในต่างประเทศ คือ แม็กซ์ และเจค ส่วนชื่อสุนัขตัวเมียนั้น คือ แม็คกี้ และมอลลี่

8. ลูกสุนัขแรกเกิดจะตาบอด หูหนวก และไม่มีฟันสักซี่

9. สุนัขมักจะเข้าใจว่า เวลาคนยิ้มแย้มนั้น พวกเขากำลังแยกเขี้ยว ซึ่งเป็นพฤติกรรมของการบุกรุก

10. โลกใบนี้มีประชากรสุนัขราว 400 ล้านตัว
  
11. ลายจมูกของสุนัขแต่ละตัวนั้น จะไม่มีทางซ้ำกันเลย เปรียบเสมือนกับลายนิ้วมือของคนนั่นเอง

12. แม่สุนัขใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 2 เดือน จึงให้กำเนิดลูกสุนัข

13. สุนัขที่โตเต็มที่ มีฟันทั้งหมด 42 ซี่

14. อเมริกาเป็นประเทศที่มีประชากรสุนัขมากที่สุดในโลก โดยชาวอเมริกันที่เลี้ยงสุนัข มีมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรในประเทศเลยทีเดียว

15. 94% ของเจ้าของสุนัข ยอมรับว่าสุนัขในอาณัติทำให้พวกเขายิ้มได้มากกว่าวันละ 1 ครั้ง
16. สุนัขเป็นสัตว์ชนิดแรกที่มนุษย์นำมาฝึกให้เชื่อง

17. สุนัขไม่ชอบเสียงฝนตก เพราะรบกวนโสตประสาทที่ไวต่อเสียงของมันมาก

18. สุนัขพันธุ์บาเซ็นจิ เป็นสุนัขพันธุ์เดียวในโลกที่ไม่เห่า ทำได้แค่ส่งเสียงคำรามสั้น ๆ ในลำคอเท่านั้น

19. สุนัขตัวเล็กมีแนวโน้มอายุยืนกว่าสุนัขตัวใหญ่ โดยสามารถมีอายุได้ถึง 16 ปีหรือมากกว่านั้น ขณะที่สุนัขตัวใหญ่ ๆ จะมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 8-15 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ดี มีสุนัขตัวใหญ่ที่อายุยืนกว่าอายุขัยเฉลี่ยถมเถไป

20. สุนัขที่อายุยืนที่สุดที่กินเนสส์บุ๊กบันทึกไว้ คือเจ้าบลูอี้ สุนัขพันธุ์ออสเตรเลียน แคตเทิล ซึ่งมีอายุยืนถึง 29 ปี

  
โดย :  จิ้มจุ่ม, http://variety.teenee.com
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/45317539972969366/

Tuesday, January 17, 2017

เลี้ยงลูกสุนัขอย่างไร ให้ไม่มีปัญหาพฤติกรรม




          "ลูกสุนัขในวันนี้ คือสุนัขโตในวันข้างหน้า" ก่อนอื่นต้องขอเกาะกระแสวันเด็กแห่งชาติของเดือนมกราคมกัน สักนิด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีเจ้าของมาปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกสุนัข กันเยอะ ไม่ว่าจะเป็นอาการขี้กลัวมากเกินไป อาการตื่นเต้นเกินกว่าเหตุ หรือความก้าวร้าวของลูกสุนัข ตามที่จั่วหัวไว้ครับ ลูกสุนัขที่มีปัญหาพฤติกรรมตั้งแต่เล็ก ๆ จะส่งผลไปถึงพฤติกรรมตอนโตจนอาจสร้างความปวดหัวให้กับเจ้าของหลายๆ คนได้ มาเรียนรู้กันดีกว่าครับ ว่าในฐานะเจ้าของ เรามีวิธีรับมือกับปัญหาพฤติกรรมในลูกสุนัขอย่างไร

ลูกสุนัขขี้กลัว

             ลูกสุนัขขี้กลัว เกิดจากหลายสาเหตุครับ ถ้ามีอาการตื่นกลัวตื่นแต่อายุก่อน 8 สัปดาห์ เป็นไปได้ว่าจะเป็นผลจากพันธุกรรม เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้กลัวหากเกิดขึ้นก่อนช่วงอายุ ดังกล่าว ลูกสุนัขจะจำไม่ได้และไม่มีผลต่อพฤติกรรมเมื่อโตขึ้น ลูกสุนัขบางตัวที่มีพันธุกรรมขี้กลัวหากอาการไม่แสดงออกในช่วงเด็ก อาจแสดงให้เห็นในช่วงอายุ 6 ถึง 18เดือน ส่วนความกลัวที่เป็นผลมาจากประสบการณ์ เจ้าของสามารถป้องกันได้โดยการฝึกดังนี้ครับ

1. การเรียนรู้การเข้าสังคม

             ลูกสุนัขเริ่มเรียนรู้การเข้าสังคมในช่วงอายุ 4 ถึง 14สัปดาห์ จำเป็นที่เจ้าของจะต้องแนะนำให้สุนัขรู้จักคนหลากหลายช่วงอายุ ทั้งเพศหญิงและชาย รวมถึงสัตว์เลี้ยงตัวอื่นให้มากที่สุด เพื่อให้ลูกสุนัขรู้สึกคุ้นเคยและไม่ตื่นกลัว กรณีที่ลูกสุนัขยังไม่เคยทำวัคซีนควรเริ่มจากไปบ้านเพื่อนที่ไม่มีสุนัข หรือเลี้ยงสุนัข แต่เลี้ยงไว้ในบ้านไม่ได้ปล่อยไปไหน เพื่อลดโอกาสที่ลูกสุนัขของเราจะติดโรค ส่งขนมให้เพื่อนของเราเพื่อยื่นให้ลูกสุนัขกินในกรณีที่ลูกสุนัขฝึกนั่งได้ แล้ว ให้เพื่อนของเราสั่งให้ลูกสุนัขนั่งก่อนที่จะให้ขนม ลูกสุนัขจะมีความรู้สึกดีกับการเจอคนใหม่ๆ ไม่ตื่นกลัวเวลามีคนยื่นมือเข้าไปหา การสั่งให้นั่งก่อนให้ขนมจะช่วยลดพฤติกรรมที่ลูกสุนัขกระโจนใส่คนแปลกหน้า ได้ เมื่อลูกสุนัขทำวัคซีนมากขึ้นและมีภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีขึ้นควรขอคำแนะนำ จากสัตวแพทย์ เพื่อนำลูกสุนัขไปเรียนรู้การเข้าสังคมในที่สาธารณะซึ่งมีคนพลุกพล่านมาก ยิ่งขึ้น 

2. การฝึกให้เกิดความเคยชินกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว

             กลิ่นเสียงหรือประสบการณ์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของลูกสุนัขต้องมีการฝึก ให้เกิดความเคยชิน เช่น เสียงเครื่องเป่าผม เครื่องดูดฝุ่น หรือประสบการณ์ในการนั่งรถ การฝึกง่ายๆ เช่น การให้ลูกสุนัขกินขนมขณะที่เจ้าของเปิดเครื่องเป่าผม จะช่วยให้ลูกสุนัขเคยชินและไม่กลัวเสียงดังเวลาที่ได้ยินเสียงในชีวิตประจำ วัน หรือการฝึกให้ลูกสุนัขเคยชินกับการอาบน้ำ แปรงขนและตัดเล็บ ให้เริ่มจากสิ่งที่ลูกสุนัขเครียดน้อยที่สุด และทำด้วยความนุ่นนวลมากที่สุด เช่น แปรงขนเบาๆ ที่ตัว ถ้าลูกสุนัขยัง ดูสงบอยู่ให้เจ้าของให้ขนมและคำชม ลูกสุนัขจะเรียนรู้ที่จะสงบ และคอยเพื่อรอรับขนม ค่อยๆ เพิ่มการจัดการที่มากขึ้น เช่น เริ่มขยับไปแปรงขนที่หูหรือหน้า ลูกสุนัขจะไม่ได้ขนมถ้าแสดงอาการกลัวหรือเครียดออกมา แต่ให้เจ้าของลดระดับการแปรงชนให้เบาลงจนลูกสุนักลับมาสงบอีกครั้งจึงให้ขนม

อาการตื่นเต้นตื่นตัวมากผิดปกติหรือพฤติกรรมไม่สุภาพ

             ธรรมชาติของสุนัขบางสายพันธุ์ เช่น แจ๊ค รัสเซลล์หรือลูกสุนัขส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยที่ตื่นตัวมากกว่าในสุนัขโต แต่หลายๆ ครั้งพฤติกรรมนี้เกิดบ่อยขึ้นเพราะเจ้าของไปส่งเสริมพฤติกรรมโดยไม่ตั้งใจ เช่น ในขณะที่ลูกสุนัขแสดงอาการตื่นเต้นหรือคึกผิดปกติ เจ้าของให้ความสนใจลูกสุนัขมากขึ้น ทำให้ลูกสุนัขเรียนรู้ที่จะแสดงอาการดังกล่าวมากขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ แนวทางแก้ไขง่ายๆ คือ อย่าให้ความสนใจเวลาที่ลูกสุนัขตื่นเต้น ให้เจ้าของทำเป็นเฉยๆ ไม่สนใจลูกสุนัขจนกว่าลูกสุนัขจะกลับมาสงบ การพาลูกสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้านอย่างน้อยวันละ 2 เวลา จะช่วยกระตุ้นทางด้านอารมณ์และจิตใจของลูกสุนัข ซึ่งช่วยลดความตื่นตัวทางด้านพฤติกรรมให้ลดน้อยลงได้ที่สำคัญคือการฝึกคำ สั่งนั่งและคอย (ดูวิธีการฝึกทาง www.petmanner.com) ต้องให้ลูกสุนัขเรียนรู้ว่าก่อนที่เจ้าของจะให้อาหารก่อนที่จะได้ของเล่น ก่อนที่เจ้าของจะเล่นด้วยทุกครั้ง ลูกสุนัขต้องทำตามคำสั่งนั่งก่อน ไม่ใช่กระโจนเข้าหาหรือพันแข็งพันขา เพื่อจะเอาของ และให้ลูกสุนัขทำตามคำสั่งคอยในเวลาที่คุณเปิดปิดประตูบ้าน หรือมีแขกมาบ้าน
ปัญหาความก้าวร้าว

             ความก้าว ร้าวในลูกสุนัขที่อายุน้อยกว่า เดือน ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความกลัวและความกังวลเป็นพื้นฐาน เช่น ลูกสุนัขที่มีพฤติกรรมหวงอาหารจะขู่เพราะกลัวว่าจะมีคนมาแย่งอาหารไป ทันทีที่การขู่ได้ผลและเจ้าของถอยออกไป ระดับความเครียดที่เกิดขึ้นจะลดลง ลูกสุนัขจะเกิดความมั่นใจที่จะแสดงพฤติกรรมการขู่มากขึ้น และในบางครั้งอาจนำไปสู่ปัญหาความก้าวร้าวที่แท้จริงได้ สำหรับความก้าวร้าวที่เกี่ยวข้องกับการหวงอาหารสามารถป้องกันได้โดยการฝึก ให้ลูกสุนัขเคยชินกับการกินอาหารเวลาที่มีคนอยู่ใกล้ เจ้าของอาจนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆ ตัวสุนัข เอาชามอาหารวางไว้บนตักแล้วค่อยๆ หย่อนอาหารลงไปในชามทีละน้อย ให้ลูกสุนัขกินในขณะที่มืออีกข้างอาจลูบยาวๆ และช้าๆ ไปที่ตัวลูกสุนัขด้วยเพื่อให้ลูกสุนัขสงบ กรณีที่มีแขกมาบ้านในระหว่างมื้ออาหารของลูกสุนัข อาจให้ช่วยเดินผ่านชามอาหารลูกสุนัขขณะที่กำลังกิน แล้วหย่อนอาหารเปียกลงไปในชามให้ลูกสุนัขเล็กน้อยเพื่อให้ลูกสุนัขรู้สึกดี เวลาที่มีคนเดินผ่านในขณะที่กินอาหาร

             ความเชื่อผิด ๆ คือ เจ้าของบางคนเชื่อว่าควรยกชามอาหารเข้า ๆ ออก ๆ ในขณะที่สุนัขกินเพื่อให้ลูกสุนัขรู้ว่าเจ้าของสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง แต่นั่นเท่ากับเพิ่มความเครียดให้ลูกสุนัข และอาจจะยิ่งทำให้ก้าวร้าวมากขึ้น ในกรณีที่มีเหตุผลต้องเอาชามอาหารออกมาเก็บในขณะที่ลูกสุนัขเฝ้าอยู่ ให้เอาขนมไปแลกเพื่อให้ลูกสุนัขรู้สึกดีกับการเก็บชามอาหาร

 ปัญหาลูกสุนัขหวงของมีหลักการป้องกันที่คล้าย ๆ กัน คือ ให้เอาขนมไปแลกกับของเล่นที่ลูกสุนัขกำลังคาบอยู่ในปากโดยเอาขนมไปจ่อไว้ ใกล้ๆ จมูก ออกคำสั่งว่า "วางลง"หรือ "drop it" ทันทีที่ลูกสุนัขอ้าปากปล่อยของลงมา ให้เจ้าของให้ขนมลูกสุนัขกินทันที เก็บของเล่นไว้ในมือ รอจนลูกสุนัขกินเสร็จ เมื่อลูกสุนัขหันกลับมาสนใจของเล่นให้ออกคำสั่งว่านั่ง เมื่อลูกสุนัขนั่งแล้วค่อยให้ของเล่นคืน การฝึกในช่วงหลังจะไม่จำเป็นต้องใช้ขนมตลอดทุกครั้ง เพราะลูกสุนัขจะรู้สึกดีที่จะคืนของให้เอง 

             อีกคำสั่งที่ไว้ใช้แก้ปัญหาสุนัขหวงของ คือ "leave it"เริ่มจากให้ลูกสุนัขอยู่ในสายจูงในท่านั่งหรือหมอบ เอาของเล่นที่ลูกสุนัขหวงวางไว้ข้างหน้าห่างออกไป 2 ฟุต ให้เจ้าของใช้ขนมดึงดูดความสนใจลูกสุนัขแทน โดยล่อบริเวณจมูกให้มองที่ขนมแทนมองของเล่นที่อยู่ตรงหน้า ออกคำสั่งว่า "ออกมา" หรือ "leave it) จากนั้นให้เจ้าของถอยหลัง 1 ก้าว เมื่อลูกสุนัขหันหลังและลุกเดินตามมา ให้เจ้าของให้ขนมเป็นรางวัลทันที กรณีที่ลูกสุนัขไม่หันมาแต่เดินตรงไปหาของให้รั้งสายจูงเบาๆ แล้วพยายามใช้ขนมล่อให้หันกลับมา เมื่อลูกสุนัขทำตามคำสั่งได้ดี ต่อไปไม่ต้องเอาขนมไปล่อตรงหน้า แต่ช่วงแรกยังต้องให้รางวัลทุกครั้งที่ลูกสุนัขหันกลับมาตามคำสั่ง ในตอนหลังอาจให้บ้างไม่ให้บ้าง หรือเมื่อลูกสุนัขพร้อมอาจลองฝึกแบบปล่อยสายจูง

             ความก้าวร้าว ประเภทอื่น ๆ จะมีวิธีการแก้ไขและป้องกันที่แตกต่างกันออกไป แต่ที่สำคัญ คือ อย่าแก้ไขปัญหาความก้าวร้าวด้วยความรุนแรง การลงโทษสุนัข นอกจากจะไม่ช่วยอะไรในการแก้ปัญหาแล้ว ยังมักจะทำให้สัมพันธภาพระหว่างคุณกับลูกสุนัขแย่ลงกว่าเดิม เพราะปัญหาพฤติกรรมต้องแก้ไขด้วยความรักและความเข้าใจจากเจ้าของครับ

  
เรื่องโดย : น.สพ.กมล ภาคย์ประเสริฐ
http://pet.kapook.com/view37450.html, Dogazine Healthy
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/explore/cute-puppies-for-sale/