1. สุนัขต้องได้รับอาหารและน้ำเพื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
- จะต้องมีน้ำสะอาดกินตลอดเวลา
- กินอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีการคำนวณสูตรอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารถูกต้องและครบถ้วนตามสายพันธุ์และอายุ
- มีอาหารกินอย่างเพียงพอ เพราะถ้าให้น้อยเกินไปจนทำให้สุนัขอดโซ ผอมแห้ง จะทำให้ระบบภูมิคุ้นกันของร่างกายต่ำจึงเกิดโรคต่างๆตามมาได้ง่าย
- อาหารที่ให้ต้องไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน
- มีการให้อาหารตรงเวลา เพื่อเป็นการฝึกนิสัยที่ดีให้กับสุนัข และป้องกันการเกิดโรค เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- ถาดใส่อาหารจะต้องมีการล้างทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อลดปัญหาการปนเปื้อนเชื้อโรคที่อาจเกิดขึ้นจากอาหารเก่าที่กินไม่หมด เกิดการเน่าเสียได้
- จะต้องมีน้ำสะอาดกินตลอดเวลา
- กินอาหารเม็ดสำเร็จรูปที่มีการคำนวณสูตรอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารถูกต้องและครบถ้วนตามสายพันธุ์และอายุ
- มีอาหารกินอย่างเพียงพอ เพราะถ้าให้น้อยเกินไปจนทำให้สุนัขอดโซ ผอมแห้ง จะทำให้ระบบภูมิคุ้นกันของร่างกายต่ำจึงเกิดโรคต่างๆตามมาได้ง่าย
- อาหารที่ให้ต้องไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน
- มีการให้อาหารตรงเวลา เพื่อเป็นการฝึกนิสัยที่ดีให้กับสุนัข และป้องกันการเกิดโรค เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ
- ถาดใส่อาหารจะต้องมีการล้างทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อลดปัญหาการปนเปื้อนเชื้อโรคที่อาจเกิดขึ้นจากอาหารเก่าที่กินไม่หมด เกิดการเน่าเสียได้
2. สุนัขต้องมีที่อยู่อาศัยอย่างสะดวกสบายตามสมควร
- สถานที่เลี้ยงสุนัขควรมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อากาศต้องมีการถ่ายเทสะดวก เพื่อลดปัญหากลิ่นเหม็นที่รบกวนทั้งตัวน้องหมาเอง และเจ้าของด้วย
- พื้นที่ต่อตัวสำหรับบริเวณที่เลี้ยงสุนัข ต้องมีปริมาณเพียงพอ ไม่อยู่กันอย่างแออัดมากจนเกินไป เพราะจะทำให้สุนัขเครียดและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- พื้นที่ที่เลี้ยงควรมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นทั้งกลางแจ้งและที่ร่มสำหรับนอนพัก รวมไปถึงหลบฝนได้อีกด้วย
- กรณีที่เลี้ยงไว้ในกรง เมื่อเลี้ยงไว้สักพัก สุนัขก็จะตัวใหญ่มากขึ้น จึงควรเปลี่ยนขนาดกรงให้ใหญ่ขึ้นตามขนาดตัว เพื่อไม่ให้สุนัขอึดอัด และเกิดความเครียดได้เช่นกัน
- นอกจากสุนัขอาจจะหงุดหงิดการกรงไปแคบไปแล้ว อาจจะอึดอัดจากการสวมเสื้อที่แน่นจนหายใจไม่ค่อยสะดวก ดังนั้นหากต้องการจะใส่จริงๆ ควรมีการเลือกขนาดเสื้อให้เหมาะสม รวมไปถึงเนื้อผ้า และความสะอาดของเสื้อที่จะสวมให้สุนัขอีกด้วย
3. สุนัขต้องได้รับการดูแลและบริการสุขภาพที่ดี
- มีการฉีดวัคซีนสุนัขครบ ทั้งวัคซีนรวมและพิษสุนัขบ้า
- ถ่ายพยาธิสุนัขทุก 3-6 เดือนด้วยยาที่มีประสิทธิภาพ
- แยกสุนัขที่ป่วยออกจากสุนัขตัวอื่น เพื่อลดโอกาสการติดโรคระหว่างกัน
- มีการพบสัตวแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพ
- ถ้าเกิดเจ็บป่วย มีการพาไปรักษาโดยสัตวแพทย์ทันที เพื่อให้มีการรักษาได้อย่างทันท่วงที
4. สุนัขได้รับการปฏิบัติด้วยความเมตตาและทะนุถนอม
- การลงโทษควรเลือกใช้วิธีที่นิ่มนวล และไม่ควรทำร้ายจนสุนัขตื่นกลัว ถึงขั้นควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
- สุนัขที่ตัวเล็กกว่า ถูกแยกออกจากสุนัขตัวใหญ่ที่คอยเห่าขู่
- สุนัขที่เป็นคู่อริกัน มีการแยกออกจากกัน
- สุนัขไม่เคยกัดคนเลี้ยง หรือกัดเด็ก เพราะการกัดคนเลี้ยงหรือเด็กที่อ่อนแอกว่า อาจเกิดจากการที่ถูกทำร้ายมากๆ เกิดอาการเก็บกด จนต้องระบายออกมาด้วยวิธีการนี้
5. สุนัขได้รับโอกาสแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ
- มีที่วิ่งเล่นอย่างเพียงพอ และมีของเล่น เช่น ลูกบอล ตามสมควร
- สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนและสุนัขอื่นตามสมควร
- สามารถ กระดิกหาง และเห่าได้ตามสมควร (ไม่มีการตัดหางหรือตัดสายเสียง) เนื่องจาก การกระดิกหางและการเห่าเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งของน้องหมานั่นเอง
อ้าง อิงจาก http://www.vetmu.com/index.php?option=com_content&view=article&id=88:-five-freedom&catid=41:2009-04-03-22-29-30&Itemid=63
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/346847608809379383/
No comments:
Post a Comment