ทำความรู้จัก "พิตบูล" หรืออเมริกันพิตบูล กับความรักที่มีให้กับเจ้าของแบบสุดหัวใจ พร้อมวิธีดูแลพิตบูลที่ถูกต้อง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
อเมริกันพิตบูล เทอร์เรีย (American Pit Bull Terrier) หรือที่เรียกกันว่า พิตบูล แค่เอ่ยถึงชื่อสุนัขพันธุ์นี้ก็อาจทำเอาหลายคนออกอาการหวั่นๆ ซะแล้ว ก็สุนัขสายพันธุ์ พิตบูล น่ะดังก้องไปทั่วโลกในเรื่องความดุร้าย และมักจะถูกประโคมข่าวเมื่อ พิตบูล กัดคนบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับเจ้าของ ทำให้ภาพของ อเมริกันพิทบูล ในเวลานี้อาจไม่สู้ดีนัก และเป็น สุนัข ควบคุมพิเศษในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยกรมปศุสัตว์สั่งห้ามนำเข้าสุนัขพันธุ์ พิตบูล โดยเด็ดขาด แต่ในประเทศไทยยังลักลอบนำเข้ามาจำหน่ายอยู่ รวมถึงมีการเลี้ยงอยู่เดิมแล้วจำนวนหนึ่ง
ประวัติ พิตบูล
พิตบูล ถูกพัฒนามาจากสายพันธุ์บูลด๊อก เดิมทีเป็นอเมริกันพิตบูลที่
ใช้งานต้อนฝูงสัตว์ (Cattie Dog) เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ (Shepherds)
แต่ต่อมาสุนัขเหล่านั้นถูกนำมาผสมข้ามสายพันธุ์จนเกิดสายพันธุ์ใหม่เป็น
"อเมริกันพิตบูล" ที่มีฟันและกรามที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ
และมีความว่องไวสูง และถูกนำมาใช้ในกีฬาสู้กับวัวกระทิง (ฺBull-baiting) แต่ภายหลังกีฬาชนิดนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย กลุ่มคนที่ชื่นชอบในกีฬา
ดังกล่าวจึงหันมาจับสุนัขสู้กับสุนัขแทน ทำให้อเมริกันพิตบลูกลายเป็นสุนัขที่
ขึ้นชื่อว่ามีพละกำลังมากที่สุดเท่าที่มีการพัฒนาสายพันธุ์กันมา
นอกจากความแข็งแรง ดุร้ายแล้ง เสน่ห์ที่สุดแสนจะน่ารักของพิตบูล
อยู่ที่ความจงรักภักดี มีอารมณ์คงที่ต่อมนุษย์ จนถึงขั้นยอมตายได้เลยทีเดียว
ที่มาของชื่อพันธุ์ พิตบูล
มาจากกีฬาสู้วัว Bull-baiting นั่นเอง ส่วนคำว่า Pit มาจากคำที่แปลว่า หลุม คือ ในการคัดเลือกสายพันธุ์ในสมัยโบราณ พิตบูล 2 ตัวจะถูกนำไปปล่อยในหลุมที่คนขุดขึ้น ตัวไหนรอดจากการกัดกันก็จะปีนขึ้นจากหลุม และจะได้ดำรงพันธุ์ต่อไป ด้วยเหตุนี้เอง พิตบูลจึงมีความอดทนและมีความมุ่งมั่นสูงกว่าสุนัขทั่ว ๆ ไป อย่างไรก็ตามพิตบลูมีทั้งสายพันธุ์ที่มีไว้กัดและสายพันธุ์โชว์ ด้วยธรรมชาติกัดไม่ปล่อย พิตบูลจึงถือเป็นนักล่าโดยกำเนิด ล่าได้ตั้งแต่ นก หนู ไปจนถึงหมูป่า มีความอดทนต่อความเจ็บปวดทุกรูปแบบ แม้บาดแผลนั้นจะลึกและฉกรรจ์เพียงใด ไม่มีการโต้ตอบจากศัตรูใดที่จะทำให้มันร้องได้ ส่วนใครที่ไม่ชอบเสียงเห่าหอน น่ารำคาญของสุนัข แต่ให้จำไว้เถิดว่าหากคุณเลี้ยงอเมริกันพิตบูลจะไม่ผิดหวัง เพราะพิตบูลจะไม่ใช่สุนัขประเภทหมาเห่าใบตองแห้ง แต่ยอมมีเหตุผลเสมอ ไม่แน่สิ่งที่มันเห็นอาจเป็นสัตว์ร้าย คนแปลกหน้า หรือผู้ไม่ประสงค์ดี อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณรับรู้สัญญาณเตือนอันไม่น่าไว้วางใจได้จากเจ้าสุนัขพันธ์นี้อย่างแน่นอน พิตบูลทำร้ายเจ้าของหรือไม่ ? หากผู้เลี้ยงเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ทั้งนี้ หากคุณต้องเข้าบ้านในยามวิกาล จงระลึกไว้เสมอว่าสุนัขจะมองเห็นเป็นภาพขาวดำเท่านั้น จึงควรเรียกชื่อของเขาก่อนเปิดประตูเข้าบ้าน เพราะบางทีเราอาจอยู่ในตำแหน่งใต้ลม เขาจึงอาจไม่ได้กลิ่นเจ้าของ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนร้าย จึงควรเรียกชื่อของเขาก่อน เพราะ อเมริกันพิทบลู จะหวงเจ้าของ หวงบ้าน หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีกล้ำกรายเข้ามา รับรองว่า เสร็จแน่
ลักษณะทั่วไปของพิตบูล
► รูปร่าง : ขนาดปานกลาง ความสูงจะอยู่ที่ประมาณ 17-20 นิ้ว มีสัดส่วนที่พอดี
มีกล้ามเนื้อที่เด่นชัดมาก มีรูปร่างที่ค่อนข้างยาวกว่าส่วนสูง
- กะโหลกหัวกว้างและแบนเรียบ มีขากรรไกรแข็งแรง กว้าง และใหญ่
- หู มีขนาดที่เล็กจนถึงปานกลาง หูตั้ง หรืออาจะมีลักษณะที่
เป็นธรรมชาติหากไม่ได้ตัดหู (ตัดหรือไม่ตัดก็ได้)
- หางสั้นชี้ลง โคนหางใหญ่ และเรียวเล็กลงไปถึงปลายหาง
► ขน : ขนสั้นเรียบ เป็นมันเงางาม มีทุกสี ทุกลาย
นิสัยของพิตบูล
ลักษณะร่างกายของพิตบูลจะต้องปรากฏให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง
กระฉับกระเฉง สง่างาม มีความเชื่อมั่นในตัวของมันเอง และมีชีวิตที่
กระหายใคร่รู้ต่อทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว ชอบให้คนดูแลเอาใจใส่
มีความกระตือรือร้นมาก เป็นมิตรกับทุกคนที่อยู่ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
และรักเด็ก ส่วนใหญ่มักจะแสดงความก้าวร้าวกับสุนัขทั่วไป
อาหารและการเลี้ยงดูพิทบูล
เคล็ดลับการเลี้ยงพิตบูลนั้น หากทำผิดก็ควรรีบนำตัวเข้ากรง
ทันทีเพื่อเป็นการลงโทษ ให้รู้ว่า สิ่งที่ทำนั้นผิด ในระหว่างที่กำลัง
เจริญเติบโต ต้องฝึกให้พิตบูลเข้าสังคม พาจูงไปเดินสวนสาธารณะ
ให้รู้จักคนเยอะ ๆ และพยายามสอนให้พิตบูลรู้จักแยกแยะให้ได้ว่า
ใครคือมิตรและใครคือศัตรู เวลาหลุดออกจากเชือกหรือกรง จะได้กัดถูกคน
ส่วนการให้อาหารต้องใส่จาน และต้องฝึกไม่ให้กินอาหารที่พื้น
ป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดี โยนอาหารปนยาพิษให้กิน
โรคร้ายที่ควรระวัง
โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper) เป็นโรคอันตรายที่พบได้ในสุนัขทุกสายพันธุ์
สาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส Canine Distemper Virus หรือ
CDV RNA Virus Paramyxovirus การติดต่อ สามารถติดต่อทาง
ระบบหายใจ จะติดทางน้ำมูก ขี้ตา น้ำลาย โดยหายใจเข้าไปหรือ
หรือจากการสัมผัสอาการของโรค ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน
อาการที่ปรากฎหลังได้รับเชื้อ จะมีไข้สูง เบื่ออาหาร เยื่อตาอักเสบ
อาการดังกล่าวจะหายไปและจะกลับมา โดยจะซึม เบื่ออาหาร จมูกแห้ง
มีน้ำมูกและขี้ตาขุ่นเป็นหนอง ไอ คล้ายอาการของหวัด ปอดบวม
อาเจียน ท้องเสีย กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ขาหลังเป็นอัมพาตและตายได้
แต่ถ้ารักษาได้ ไม่เสียชีวิต สุนัขก็จะเป็นโรคเรื้อรัง ฝ่าเท้าจะหนา ผอม
ไม่ตอบสนองต่อการรักษาและมักจะตายในเวลาต่อมา แต่บางตัวที่ไม่ตาย
จะใช้เวลารักษาหรือพักฟื้นนาน
การป้องกันขั้นแรก คือการได้รับวัคซีนป้องกัน และวัคซีนรวมที่จะช่วย
กระตุ้นให้ร่างกายเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคได้ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงควรใส่ใจให้วิตามิน
ตามคำแนะนำของแพทย์ และรักษาตามอาการของโรค เช่น ให้น้ำเกลือ
ยาระงับชัก แต่สุดท้ายเจ้าหมาน้อยแสนรักก็จะจากไปในที่สุด
ดังนั้น การป้องกันโรคไข้หัดที่ดีที่สุด คือ การฉีดวัคซีนให้กับสุนัขไว้
ตั้งแต่ยังเล็กและฉีดสม่ำเสมอทุกปีเป็นดีที่สุด
วิธีเอาตัวรอดจากพิตบูล หรือช่วยเหลือผู้อื่นที่ถูกพิตบูลทำร้าย
- ควรหลีกเลี่ยงไม่เดินผ่านบ้านที่เลี้ยงพิตบูล หรือถืออาวุธไว้ป้องกันตัวกรณี
เกิดเหตุฉุกเฉิน
- หากถูกพิตบูลคุกคามให้ตั้งสติแล้วรีบตะโกนเรียกให้คนช่วย
- หลังจากนั้นให้ใช้ไม้งัดขากรรไกรของสุนัข (ส่วนที่ควบคุมการกัด)
ให้ขากรรไกรง้างออกเพื่อให้หลุกจากการถูกกัด เพราะสุนัขพันธุ์เหล่านี้มี
ขากรรไกรสั้นกว่าปกติ มีเขี้ยว และฟันใหญ่กว่าปกติ เป็นปัจจัยเพิ่มแรงกัด
ให้มีความรุนแรงมากขึ้น
- หากไม่ได้ผล ให้ใช้มือข้างที่ถนัดที่สุด เกร็งมือให้แข็งบีบลงไปที่
บริเวณลำคอของ สุนัขซึ่งเป็นส่วนคอหอย หลอดลม บีบให้แรงที่สุด
และนานที่สุด ทำให้สุนัขเกิดอาการสำลัก เพราะขาดอากาศหายใจทำให้มัน
ต้องปล่อยเหยื่อที่กัดไว้ออกเพื่อสูดอากาศหายใจ ในระหว่างนี้ให้รีบหนีให้
ไกลที่สุด หรือหาอาวุธมาตีสุนัขให้บาดเจ็บ
- ข้อห้ามที่ไม่ควรทำระหว่างที่ถูกกัดและมีอวัยวะในร่างกายคาอยู่
กับปากสุนัข คือ ห้ามตี หรือทุบที่ลำตัว สุนัข เด็ดขาด เพราะจะยิ่งเพิ่ม
ความโกรธ ความดุร้าย และเพิ่มแรงกัดมากขึ้น จะทำให้บาดเจ็บสาหัสมากขึ้น
หลังจากหลุดจากการถูกสุนัขกัดแล้วให้รีบล้างทำความสะอาดแผลด้วย
น้ำสะอาดผสมสบู่ 3 รอบ และใช้ยาฆ่าเชื้อราดที่บาดแผลแล้วรีบพบแพทย์
ทันที เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคติดต่อในสัตว์เลี้ยง
ลูกด้วยนม โดยเฉพาะในสุนัขและแมว ซึ่งขณะนี้ยังไม่มียารักษาโรค
หากติดเชื้อทำให้เสียชีวิตได้ รวมถึงกรณีสุนัขกัดกันเองด้วย ให้ล้างทำ
ความสะอาดแผล สุนัข เช่นเดียวกัน และรีบนำ สุนัข ไปฉีดวัคซีนป้องกันทันที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
มติชนรายวัน และ ipitbulldog.com
https://pet.kapook.com/view159.html
cr. pic. https://www.pinterest.com/pin/68737492803/
No comments:
Post a Comment