เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ในชีวิตของคนเรา สิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด คือ คนที่เรารักต้องด่วนจากไปโดยที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้กระทั่งเพื่อนซี้สี่ขาผู้ซื่อสัตย์ที่เรามีความรัก ความผูกพันธ์กับมันอย่างที่สุดจนถึงวันที่มันจากไป เราจะรู้สึกเสียใจอยู่เสมอ แต่หากในวันหนึ่ง เราต้องตื่นมาพบกับข่าวร้ายเมื่อรู้ว่าเจ้าตูบของเราป่วยเป็นโรคร้าย อาจฟังดูใจสลาย แต่ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอค่ะ วันนี้เราจึงมีบทความดี ๆ จากจากเว็บไซต์ Dogster ที่นำเอาประสบการณ์ของเจ้าของที่สุนัขเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งมาก่อนมาฝากกันค่ะ เป็น 10 สิ่งที่เจ้าของควรจะทำ หากรู้ว่าเจ้าตูบเป็นโรคร้าย จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ
1. ทำใจให้นิ่งเข้าไว้ ปาดน้ำตาและหายใจเข้าลึก ๆ
เมื่อคุณได้ทราบข่าวร้ายเกี่ยวกับเจ้าตูบของคุณแล้ว มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากแน่นอน แต่คุณก็ต้องมีสติ สงบอารมณ์เข้าไว้ เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับกระบวนการรักษาเจ้าตูบได้ดีที่สุด พยายามถามสัตวแพทย์ทุกคำถามที่สงสัย และไม่ต้องกลัวที่จะถามคำถามซ้ำ ๆ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะได้รับคำตอบหรือข้อมูลที่มากขึ้น ข้อมูลที่ดีที่สุดในการรักษาที่จะชี้เป็นชี้ตายชีวิตเจ้าตูบของคุณ
2. นัดสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
โรคมะเร็งในสุนัขนั้นมีหลากหลายประเภทและระดับ ในขณะที่สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบางคนสามารถผ่าตัดเนื้อร้ายออกจากส่วนที่สำคัญในร่างกายเจ้าตูบได้ แต่ก็ไม่ใช่สัตวแพทย์ทุกคนที่มีความสามารถจะทำเช่นนี้ได้ ดังนั้น เราควรจะคัดเลือกสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สุดที่เรามั่นใจว่าจะช่วยรักษาเจ้าตูบได้ หรือสามารถให้คำแนะนำที่ดีให้กับเจ้าของอย่างเรา ๆ ในทุก ๆ ขั้นตอนของการรักษาได้ พูดง่าย ๆ คือ หาหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปเลย ไม่ควรพบเพียงแค่สัตวแพทย์ทั่วไป ยอมเสียค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นอีกหน่อยเพื่อแลกกับชีวิตเพื่อนซี้สี่ขาของคุณนะคะ
3. หมั่นไปตรวจเช็คก้อนเนื้อที่เกิดขึ้น
ถ้าเพียงแค่คุณสังเกตเห็นว่าเจ้าตูบมีก้อนเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ขึ้นมาบนร่างกาย คุณต้องพาเจ้าตูบไปหาหมอเพื่อตรวจเช็คเลยล่ะค่ะว่า เจ้าก้อนเนื้อเหล่านั้นมันคืออะไร มันเป็นเนื้อร้ายหรือเปล่า ยิ่งเรารู้เร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดมีมากขึ้นเท่านั้น แต่หลังจากผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกและรับการฉายรังสีรักษาแล้ว ก็ต้องคอยติตตามดูก้อนเนื้อเหล่านั้นอยู่เป็นระยะ ว่ามันจะมีโอกาสก่อตัวขึ้นมาอีกหรือไม่ ซึ่งเราจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในขั้นตอนการรักษาเป็นระยะ ๆ
4. วางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษา
เมื่อคุณรู้และเข้าใจถึงระดับความรุนแรงของโรคมะเร็งที่เจ้าตูบกำลังเผชิญอยู่ ตลอดจนขั้นตอน กระบวนการในการรักษามันแล้ว คุณต้องเริ่มวางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษามันค่ะ ว่าคุณมีเงินที่จะจ่ายค่ารักษามันจนจบกระบวนการรักษาได้หรือไม่ หรือถ้าไม่ คุณจะอย่างไรต่อไป นั่นเป็นสิ่งที่คุณควรคิดไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่ะ
5. ไม่ต้องเร่งรัดแผนการรักษา
ในการรักษาโรคร้ายโรคหนึ่งนั้น ย่อมมีขั้นตอนการรักษาที่ต่อเนื่องและยาวนาน เจ้าตูบของคุณก็เช่นกัน การรักษาก็ต้องเป็นไปตามที่สัตวแพทย์แนะนำ ไม่ควรจะไปเร่งรัดให้รักษาเร็วขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะแย่กว่าเดิม ในเมื่อคุณได้วางแผนค่าใช้จ่ายในการรักษาไว้แล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปกังวลเรื่องอะไร เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้สุนัขของคุณดีกว่า
6. จัดตารางเวลาในชีวิต
หลังจากเจ้าตูบของคุณป่วย แน่นอนว่า คุณต้องคอยพาเจ้าตูบไปหาหมออยู่ตลอด บางทีหมอก็จะนัดรักษา ดูอาการเป็นช่วง ๆ ไป แต่ที่สำคัญ คือ หมอผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะไม่ค่อยมีเวลาให้เราเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะพวกเขาค่อนข้างจะยุ่ง ดังนั้น พวกเขาจึงต้องการเวลาที่แน่นอนในการนัดพบแต่ละครั้ง จึงเป็นไปได้ยากที่คุณจะแว่บพาเจ้าตูบมาส่งและออกไปทำงาน สิ่งที่ดีที่สุด คือ รอจนจบกระบวนการรักษา เพราะคุณจะได้ปรึกษากับหมอเกี่ยวกับอาการเจ้าตูบด้วย ดังนั้นแล้ว การแบ่งเวลาที่ดี จะทำให้เราผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
7. เตรียมพร้อมบ้านของเราให้เป็นสถานที่ดูแลเจ้าตูบ
ขั้นตอนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็งนั้น หลังจากที่เจ้าตูบเข้ารับการฉายแสงแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ จะเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับเจ้าตูบมาก เพราะผิวหนังบริเวณที่ถูกฉายแสงจะเริ่มเป็นสะเก็ดหนา ๆ และจะค่อย ๆ หลุดลอกออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อผลัดผิวใหม่ อาการนี้จะทำให้เจ้าตูบของคุณไม่สบายตัวเอาเสียเลย ส่วนสิ่งที่เจ้าของต้องทำก็คือ หาที่นอน หรือ ผ้าให้เจ้าตูบนอนบนนี้ เพื่อไม่ให้สะเก็ดแผลสดหลุดร่วงเปื้อนพื้นบ้านหรือโซฟาตัวโปรดของคุณ อีกทั้งเตรียมพร้อมกับอาการต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการคีโมบำบัดทั้งอ้วก ท้องเสีย ซึ่งแน่นอนว่า หลังเจ้าตูบผ่านพ้นอาการเหล่านี้ไปได้ คุณต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เชียว
คำแนะนำ : ซื้อเจลวิตามินอีมาตุนเอาไว้ ใช้ทาบริเวณผิวหนังของสุนัขที่มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ใหม่
8. ใช้คอลลาร์ป้องกันตูบเลียแผล
เป็นธรรมชาติของสัตว์ที่หากมีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนร่างกายของมัน มันก็จะรู้สึกรำคาญและพยายามที่จะทำให้สิ่งนั้นหายไป และสิ่งที่มันจะทำก็คือ การเลีย แต่ถ้าหากสิ่งแปลกปลอมที่ว่านี้เป็นยาทาแผลล่ะก็ คุณคงไม่อยากให้มันเลียเข้าไปหรอกจริงไหม นอกจากนี้ ยังทำให้แผลแห้งยากด้วย ดังนั้น ในระหว่างที่เจ้าตูบอยู่ในขั้นตอนในการรักษานี้ ซื้อคอลลาร์ หรือ ลำโพงมาใส่ไว้ ป้องกันไม่ให้มันเลียแผลได้นะคะ แล้วจะทำให้แผลแห้งเร็ว หายไวขึ้นแน่นอนค่ะ
9. ให้รางวัลเจ้าตูบให้มันสู้ ๆ ต่อไป
ในแต่ละครั้งที่ทำการรักษา หมอจะผลการรักษาว่าอาการของเจ้าตูบเป็นอย่างไร อาการดีขึ้นหรือไม่ จากตรงนี้ก็จะทำให้เห็นว่า เจ้าตูบของเราทำได้ดีแค่ไหน สามารถเผชิญและพร้อมรับการรักษาได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเราในฐานะเจ้าของก็อาจจะให้รางวัลมันในทุก ๆ ครั้งที่มันทำได้ แต่ที่สำคัญ คือ ต้องคอยอยู่ข้าง ๆ มัน เป็นกำลังใจให้มัน ผ่านพ้นจุดที่เลวร้ายที่สุดไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้มันกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเราอย่างมีความสุขดังเดิม
10. เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ
สำหรับข้อสุดท้ายนั้น ไม่มีอะไรมาก ขอให้คุณเชื่อเถอะว่า สิ่งที่คุณทำมาทั้งหมดทั้ง 9 ข้อก่อนหน้านี้นั้น มันคุ้มค่าจริง ๆ กับการที่ต้องแลก ต้องเสียสละอะไรหลาย ๆ อย่าง หรืออาจเป็นช่วงชีวิตที่ยุ่งยาก แต่ผลลัพธ์จากวันนั้นมาวันนี้ คุณยังมีเจ้าตูบคอยอยู่เคียงข้างคุณ... แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
No comments:
Post a Comment