Saturday, September 21, 2019

17 วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงช่วงน้ำท่วม ช่วยให้หมา-แมวปลอดภัย แม้ยามอุทกภัยมาเยือน



วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงน้ำท่วม

          1. พาสัตว์เลี้ยงเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกัน ห้ามปล่อยทิ้งไว้นอกบ้านและห้ามล่ามไว้กับที่เด็ดขาด

          2. หลีกเลี่ยงการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่บริเวณใต้ถุนหรือชั้นล่าง ควรพาขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่ชั้นบนของบ้านจะดีที่สุด

          3. ย้ายอุปกรณ์ ของใช้ และของเล่นของสัตว์เลี้ยงมาเก็บไว้ในบริเวณที่สูงและปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสียหายจากการเปียกน้ำ

          4. เก็บเอกสารสำคัญของสัตว์เลี้ยง เช่น รูปถ่าย ประวัติ ใบฉีดวัคซีน ข้อมูลการรักษาโรค และเบอร์สัตวแพทย์ ไว้ในซองกันน้ำอย่างดี พร้อมทั้งเก็บไว้ใกล้ตัวอีกหนึ่งชุดด้วย

          5. ไม่พาสัตว์เลี้ยงไปสัมผัสกับสัตว์ตัวอื่นนอกบ้าน เพื่อป้องกันเชื้อโรคและอันตราย

          6. เก็บเศษอาหารและอุจจาระของสัตว์เลี้ยงให้ถูกสุขอนามัย เพื่อลดแหล่งอาหารของหนู แมลงวัน และสัตว์พาหะอื่น ๆ ที่สามารถนำโรคมาสู่สัตว์เลี้ยงได้

          7. แยกสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดออกจากกัน รวมถึงแยกออกจากที่อยู่อาศัยของคนด้วย ทว่าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและพื้นที่ที่มีเป็นหลัก

          8. หมั่นทำความสะอาดที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงให้ถูกสุขลักษณะอยู่เสมอ

          9. หลีกเลี่ยงการให้สัตว์เลี้ยงเดินผ่านจุดที่มีน้ำขังหรือน้ำท่วม เพราะน้ำที่ไหลเชี่ยวเพียง 6 นิ้ว ก็สามารถทำให้น้องหมา น้องแมวล้มได้

          10. อย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตัวเปียกนานเกินไป เพราะความชื้นทำให้ผิวหนังอักเสบ จนเกิดเชื้อราและแบคทีเรียได้ง่าย

          11. ระวังไม่ให้สัตว์เลี้ยงกินน้ำที่ท่วมขัง เพราะอาจมีสิ่งสกปรกและสารเคมีปนเปื้อน

          12. สวมเสื้อชูชีพให้สัตว์เลี้ยงด้วย เพราะไม่ใช่สัตว์ทุกตัวจะว่ายน้ำเป็น แถมบางตัวเมื่อเจอน้ำท่วมก็จะเกิดอาการตื่นตระหนกได้ง่าย

          13. มองหาที่พักฉุกเฉินไว้ล่วงหน้าหลาย ๆ แห่ง เผื่อต้องทำการอพยพฉุกเฉิน เช่น บ้านเพื่อน ศูนย์พักพิง หรือโรงแรมนอกเมืองที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปด้วยได้

          14. เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินไว้ให้พร้อมสำหรับกรณีที่ต้องอพยพแบบเร่งด่วน โดยของที่ควรมีติดไปด้วย ได้แก่ รูปถ่ายและเอกสารของสัตว์เลี้ยง หลักฐานยืนยันว่าเป็นเจ้าของ ถ้วยอาหาร อาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น พยายามตั้งไว้ในที่ที่มองเห็นชัดเจน หยิบง่าย และควรมีสำรองไว้ในรถหรือจุดอื่น ๆ ด้วย

          15. อพยพทันทีเมื่อมีคำสั่ง อย่าฝืนอยู่ เพราะยิ่งรอเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสัตว์เลี้ยงมากเท่านั้น

          16. หากพบสัตว์ตายเป็นจำนวนมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์มาช่วยดูแล ที่เบอร์ Call Center 085-660-9906

          17. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์ที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุมาให้สัตว์เลี้ยงบริโภค เพราะเสี่ยงเจ็บป่วยและติดเชื้อโรค

วิธีดูแลสัตว์เลี้ยงในช่วงหลังน้ำท่วม

          1. หากฝากสัตว์เลี้ยงไว้ที่ศูนย์อพยพ เมื่อน้ำลดลงแล้ว ควรรีบไปรับกลับมาให้เร็วที่สุด

          2. คอยให้อาหารอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ เพราะสัตว์เลี้ยงหลายตัวต้องอดอาหารหรือได้รับอาหารน้อยกว่าปกติในช่วงน้ำท่วม

          3. อย่าปล่อยสัตว์เลี้ยงออกไปนอกบ้านทันทีหลังน้ำลด เพราะอาจมีเศษแก้ว เศษตะปู หรือสิ่งของอันตรายที่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ ทางที่ดีควรเช็กให้แน่ใจและพาออกไปพร้อมกับสายจูงก่อน เมื่อมั่นใจเต็มที่แล้ว ค่อยปล่อยเป็นอิสระทีหลัง

          4. หลีกเลี่ยงการพาสัตว์เลี้ยงไปสัมผัสหรือมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์อื่นนอกบ้าน เพราะไม่รู้ว่าตัวไหนมีอาการป่วยหรือติดเชื้ออะไรหรือเปล่า

          5. หมั่นทำความสะอาดที่อยู่อาศัยและของใช้ของสัตว์เลี้ยงให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเริ่มแรกให้ทำความสะอาดด้วยผงซักฟอก แล้วค่อยลงน้ำยาฆ่าเชื้อต่อ อย่าลืมสวมถุงมือเพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วย

          6. รีบกำจัดซากสัตว์ที่ตายให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค

          7. งดการนำสัตว์เลี้ยงตัวอื่นที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุมาให้สัตว์เลี้ยงบริโภค เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

          ถึงแม้ปัญหาน้ำท่วมหลายครั้งจะไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่เจ้าของก็ต้องคอยสังเกตและหมั่นเตรียมตัวรับมือให้พร้อมเสมอ พยายามจัดอาหารและน้ำสะอาดสำหรับสัตว์เลี้ยงเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงควรตรวจสุขภาพ ถ่ายพยาธิ กำจัดเห็บหมัด และฉีดวัคซีนป้องกันโรคเป็นประจำ เพื่อช่วยสร้างสุขภาพที่ดี และอย่าลืมเตรียมกระเป๋าสำรองไว้ให้พร้อมตลอดเวลาด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก American Kennel Club, กรมปศุสัตว์ และกรมควบคุมโรค
https://pet.kapook.com/view214834.html



Thursday, September 19, 2019

ไม่ยาก! 8 คำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บอึสุนัข



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         อึสุนัขเรื่องขี้ ๆ ที่ใครหลายคนมองข้าม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเรื่องอึสุนัขถือเป็นเรื่องใหญ่เดียว เพราะการที่เจ้าของปล่อยให้สุนัขอึแล้วไม่เก็บ นอกจากจะสร้างความสกปรกให้กับบริเวณนั้นแล้ว ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรีย สาเหตของโรคร้ายต่าง ๆ นอกจากนี้อึสุนัขยังสร้างความเดือดร้อนมากมายให้กับผู้คนรอบข้างด้วย วันนี้เราก็ขอนำข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับอึสุนัขมาฝากกัน

          1.หากพบว่ามีอึของสุนัขภายในบริเวณบ้านของคุณ ควรรีบฉีดน้ำทำความสะอาดทันที เพราะออกซิเจนในน้ำและเข้าไปละลายสารไนโตรเจนในอึสุนัข หลังจากนั้นสารที่เหลือก็จะกลายเป็นอาหารของหญ้า ต้นไม้ และสัตว์ชนิดอื่น ๆ ต่อไป

          2. ในอึของสุนัขเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากมาย อาทิ เชื้อไกอาเดีย ซัลโมเนลลา และเชื้ออีโคไลท์ หากเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายของคนและสุนัขจะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษได้

          3. นอกจากเชื้อโรคต่าง ๆ แล้ว ยังพบว่าในอึของสุนัขอาจจะมีพยาธิตัวกลม และพยาธิปากตะขอปะปนอยู่ ซึ่งพยาธิเหล่านี้สามารถปรับตัว และอาศัยอยู่ในดินได้ดี จึงทำให้พยาธิมีชีวิตอยู่ได้นาน ดังนั้นหากไม่รีบจำกัดอึสุนัข พยาธิเหล่านั้นก็อาจจะชอนไชลงในดินและเข้าสู่ร่างกายของคุณได้

          4. ถึงแม้บ้านเรายังไม่มีกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องอึหมา แต่หลายเมืองในต่างแดนอย่างเช่น เมืองนิวยอร์ก ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเมืองปารีส ของฝรั่งเศสได้เขียนกฎหมายเกี่ยวกับอึสุนัขไว้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของทุกคนต้องเก็บอึสุนัขและทำความสะอาดบริเวณที่สุนัขอึด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบ้านเมืองของพวกเขาสะอาดสะอ้านนัก ถ้าหากใครคิดจะพาสุนัขไปเที่ยวก็อย่าลืมศึกษากฎหมายของเมืองนั้นไว้ด้วยนะ

         5. ในกรณีที่คุณพาสุนัขเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ หากจำเป็นต้องพักค้างคืนควรหาโรงแรมหรือที่พักที่อนุญาตให้นำสุนัขเข้าพักได้ และปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด ถ้าหากเป็นไปได้ควรจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมให้กับทางที่พักด้วย

          6. การปล่อยให้สุนัขอึเรี่ยราดถือเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะทำให้บริเวณนั้นสกปรกแล้ว อึของสุนัขยังส่งกลิ่นไปทั่วอีกด้วย

         7. ทุกครั้งที่ต้องเก็บอึของสุนัขควรนำปูนขาวมาโรยก่อนทุกครั้ง เพราะปุนขาวมีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างดี

          8. เมื่อคุณพาสุนัขของคุณออกไปเดินเล่นควรพกถุงพลาสติก และกระดาษชำระติดตัวไปด้วยทุกครั้ง เอาไว้ใช้สำหรับเก็บอึสุนัขก่อนจะนำไปทิ้งในถังขยะ

         การเก็บอึสุนัขไม่ใช่เรื่องขี้ ๆ จริง เพราะการที่คุณทำความสะอาดและเก็บอึสุนัขไปทิ้งนอกจากจะช่วยลดการแพร่กระจายของโรคต่าง ๆ แล้วยังไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอีกด้วย นอกจากนี้การเก็บอึสุนัขยังช่วยให้คุณผูกมิตรกับคนใกล้ชิดได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น เพื่อนข้างบ้านของคุณด้วย รู้แบบนี้แล้วหากครั้งหน้าหากคุณพาสุนัขไปเดินเล่น หรือออกไปเที่ยว ก็อย่าลืมยืดอดพกถุงไปเก็บอึสุนัขกันด้วยนะคะ


https://pet.kapook.com/view51711.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/558868635009400475/

Tuesday, September 17, 2019

10 อาหารคนที่ห้ามให้หมา-แมวกินเด็ดขาด!


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          อาหารคนต้องห้าม ที่อย่าให้หมา-แมวลองกินจะดีกว่า เพราะอาจทำอันตรายได้ถึงชีวิต คนรักสัตว์อย่าเผลอให้กินอาหารต้องห้ามเหล่านี้เด็ดขาด


          อาหารที่เรากินกันอยู่ทุกวัน และคิดว่ามีประโยชน์ หรืออร่อย จนอยากแบ่งปันกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ รู้หรือไม่ว่าอาจจะทำให้น้องหมา น้องแมว มีอันตรายถึงชีวิต ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ วันนี้กระปุกดอทคอมนำรายชื่ออาหารต้องห้ามสำหรับน้องหมา น้องแมวมาฝาก เมื่อรู้แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะให้อาหารเหล่านี้ หรือเก็บไว้ให้ไกลจากสัตว์เลี้ยงของคุณ ไม่ว่าอาหารเหล่านี้จะมีประโยชน์ หรืออร่อยมากแค่ไหนก็ตาม

1. กระเทียมและหัวหอม

          ควรนำกระเทียมและหัวหอมไว้ให้ไกลจากน้องหมา และน้องแมว เพราะว่ากระเทียมและหัวหอมอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เมื่อหมา-แมวเผลอกินกระเทียมและหัวหอมเล่น อาจจะทำให้ระบบย่อยทำงานผิดปกติ เป็นโรคทางเดินหายใจ เซลล์เม็ดเลือดแดงเกิดความเสียหาย หรืออาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น อาจจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และในที่สุดขับถ่ายไม่เป็นปกติ ซึ่งจะทำให้สัตว์เลี้ยงมีร่างกายที่อ่อนแอลง และจนอาจถึงแก่ชีวิต ดังนั้นควรวางหัวหอมและกระเทียมให้ไกลดีกว่า

2. นมสด

          ใครที่คิดว่านมสดยังมีประโยชน์ต่อน้องหมา น้องแมวที่โตแล้วนั้น ลองคิดใหม่ดีกว่าค่ะ เพราะนมอาจจะทำให้เกิดปัญหาในเรื่องระบบการย่อยและการขับถ่าย ซึ่งอาจเป็นเหตุทำให้ท้องเสียได้ โดยร่างกายจะอ่อนแอ เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นถ้าสัตว์เลี้ยงตัวไหนที่แอบมากินนมสดของคุณที่วางไว้ ก็ควรเก็บนมให้เป็นที่เป็นทางให้ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยง เพื่อสุขภาพของพวกมันเองนะคะ

3. แอลกอฮอล์

          สำหรับเจ้าของคนไหนที่คิดว่า การที่เห็นสัตว์เลี้ยงดื่มแอลกอฮอล์แล้วเป็นเรื่องสนุก อาจจะทำให้ผลที่ตามมากับสัตว์เลี้ยงไม่ตลกอย่างที่คิด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้น้องหมา น้องแมวได้รับสารพิษมากเกินไป เพราะอย่าลืมว่าสัตว์เลี้ยงมีร่างกายที่เล็กกว่าคนเรา และระบบภายในร่างกายของสัตว์พวกนี้ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อที่จะดื่มแอลกอฮอล์ในจำนวนมาก ซึ่งถ้าน้องหมา น้องแมวได้รับแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

4. ช็อกโกแลต


          ช็อกโกแลตอาจเป็นของโปรดของใครต่อหลายคนรวมทั้งน้องหมา น้องแมว แต่รู้ไหมว่าช็อกโกแลตอาจทำให้เจ้าตูบ และเจ้าเหมียวมีอัตราการเต้นหัวใจที่ผิดปกติ หรืออาจจะทำให้ร่างกายทำงานปกติ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ และอาการเบื้องต้นก็คือ อาเจียน หอบหืด และร่างกายเริ่มอ่อนแอ ดังนั้นควรไว้ช็อกโกแลตให้ห่างจากเจ้าตูบ และเจ้าเหมียว

5. องุ่นและลูกเกด

          ผลไม้บางชนิดก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อน้องเหมียวและเจ้าตูบได้เหมือนกัน เช่น องุ่น และลูกเกด ถ้าได้เผลอวางผลไม้ชนิดนี้ไว้ใกล้ ๆ สัตว์เลี้ยง ให้รีบนำออกไปไว้ให้ไกลทันที เพราะองุ่น และลูกเกด จะทำให้อาเจียนเมื่อกินเข้าไป หรืออาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการซึมเศร้า รวมทั้งทำให้ระบบไตทำงานล้มเหลว ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณชอบผลไม้จริง ๆ ให้ลองเปลี่ยนมาเป็น กล้วย แอปเปิล หรือส้ม ก็ได้ค่ะ

6. ผลอะโวคาโด

          ผลอะโวคาโดที่คุณคิดว่าอาจให้ประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยง แต่จริง ๆ แล้วคือสารพิษดี ๆ นี่เอง ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของน้องหมา และน้องแมว เมื่อได้กินผลอะโวคาโดเข้าไปจะทำให้ร่างกายทำงานไม่สะดวก หายใจติดขัด หัวใจทำงานผิดปกติ และอาจจะส่งผลอันตรายต่อชีวิต

7. เนื้อสดและกระดูก

          แน่นอนว่าเนื้อสดและกระดูก เป็นอาหารโปรดของสุนัขและแมว ทำให้หลายคนเชื่อว่าต้องให้ประโยชน์และมีผลดีต่อร่างกายของสัตว์เลี้ยงไม่มากก็น้อย แต่จริง ๆ แล้วกระดูกและเนื้อสดอาจทำให้เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ เมื่อน้องหมาหรือน้องแมวได้กินเนื้อกระดูกเข้าไปและอาจจะไม่ระวังอาจทำให้กระดูกติดคอ จนอาจเสียชีวิต ส่วนเนื้อสดแม้แต่คนเรายังหลีกเลี่ยงที่จะกินเพราะไม่สะอาด และเต็มไปด้วยเชื้อโรค แบคทีเรียต่าง ๆ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงกับสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกัน

8. ขนมปังและยีส

          ขนมปังที่เราชอบรับประทานกันในทุกเช้า และเจ้าของคนไหนที่ชอบแบ่งกินกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้รู้ไว้เลยว่า ขนมปังและยีสอาจทำให้สุนัขหรือแมวท้องอืดได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ทำให้มีปัญหาในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ถึงแม้ปัญหานี้ส่วนมากจะเกิดจากยีส แต่ขนมปังก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน

9. น้ำตาลหรือของหวาน

          น้ำตาลหรือของหวานเป็นสิ่งที่ควรไว้ให้ห่างจากน้องหมา น้องแมว ถึงแม้ว่าพวกมันจะชอบกินแค่ไหนก็ตาม เพราะน้ำตาลหรือของหวานจะทำให้ระบบร่างกายเกิดการล้มเหลว มีอาการอาเจียนถ้าได้รับเข้าไปในปริมาณที่มาก อ่อนเพลีย รู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา ซึ่งในภายหลังอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นควรไว้ของหวานและน้ำตาลให้ห่างไกลจากสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณ เพื่อความปลอดภัย และสุขภาพที่ดีต่อตัวสัตว์เลี้ยงเอง

10. ถั่วแมคาเดเมีย

          หลายคนที่เคยได้ลิ้มลองถั่วแมคาเดเมียก็คงจะตัดใจจากความอร่อยนี้ไม่ได้ จึงทำให้อยากแบ่งปันกับสัตว์เลี้ยงที่รัก โดยหารู้ไม่ว่าจะทำให้เกิดอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงของคุณเอง เพราะถ้าเจ้าตูบหรือเจ้าเหมียวได้กินเข้าไปแล้ว ถึงแม้จะในปริมาณที่เล็กน้อยก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะถั่วแมคาเดเมียจะทำให้ร่างกายของน้องหมาน้องแมวอ่อนแอ เป็นอัมพาต และสุดท้ายอาจทำให้เสียชีวิต จึงควรระวังไม่ให้เจ้าตูบและเจ้าเหมียวเข้าใกล้ถั่วชนิดนี้เป็นอันขาด


          เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ควรวางอาหารและของกินเหล่านี้ให้ห่างจากตัวเจ้าตูบ และเจ้าเหมียว เพื่อที่คุณจะได้ใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงได้นานมากขึ้น และใช้เวลาที่มีความสุขร่วมกัน นอกจากนี้ก็ควรศึกษาว่าอาหารชนิดไหนที่มีประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยงของคุณจริง ๆ จะดีกว่านะคะ


https://pet.kapook.com/view104198.html

เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/pin/734649757981184947/