Tuesday, June 2, 2020

เรื่องควรรู้ เมื่อ ตูบ-เหมียว เป็นหนุ่มสาว


เรื่องควรรู้เมื่อเขาเป็นหนุ่มสาว (โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ)

           ปกติสุนัขจะเริ่มเป็นหนุ่ม-สาวได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป แต่บางตัวก็อาจพบได้ตอนอายุ 4 เดือนก็มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าสุนัขที่เป็นหนุ่ม-สาวช้าจะมีร่างกายไม่สมบูรณ์

           สิ่งที่จะบอกได้ว่าพวกเขาเป็นหนุ่ม-สาวแล้ว ก็คือ ในสุนัขเพศเมีย จะเริ่มเห็นว่าอวัยวะเพศมีการขยายใหญ่ขึ้น ร่วมกับมีเลือดออกจากอวัยวะเพศ หรืออาการที่เรียกว่า "เป็นสัด" ซึ่งสุนัขที่เข้าสู่วัยสาวจะแสดงอาการเป็นสัดโดยเฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง ในแมวจะร้องเสียงดังที่เรียกว่า "หง่าว" กลิ้งตัวไปมาซึ่งพบเป็นทุก 21 วัน ส่วนในสุนัขตัวผู้นั้น ถ้าจะดูจากลักษณะภายนอกอย่างเดียวคงบอกได้ยากเนื่องจากลูกอัณฑะจะลงมาอยู่ในถุงหุ้มได้ตั้งแต่อายุเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นหนุ่มหรือยังสามารถทำได้โดยการตรวจระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน ร่วมกับการรีดเก็บน้ำเชื้อเพื่อนำไปตรวจคุณภาพ สุนัขที่เข้าวัยหนุ่มจะต้องพบตัวอสุจิที่มีชีวิต และเคลื่อนไหวเป็นปกติในระดับที่มาตรฐานยอมรับ
                                          
การคุมกำเนิด

          เจ้าของหลายท่านที่ไม่ประสงค์จะให้สุนัขมีลูก สามารถใช้วิธีคุมกำเนิด โดยปัจจุบันการคุมกำเนิดแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักคือ แบบชั่วคราวและแบบถาวร ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีข้อดีและข้อเสีย

          การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว

          ข้อดีคือ สามารถทำได้ง่ายด้วยเพียงการฉีดฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกาย ฮอร์โมนจะมีผลคุมกำเนิดนาน 4-6 เดือน แล้วจึงพากลับมาฉีดใหม่ ไม่เช่นนั้นสุนัขจะกลับมาเป็นสัดได้อีกเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่ฮอร์โมนหมดฤทธิ์ ดังนั้นหากเจ้าของท่านใดที่อยากได้ลูกหลานของเจ้าตัวโปรดมาไว้เชยชม แต่มีบางช่วงเวลาที่ยังไม่พร้อม ก็จะแนะนำให้ใช้วิธีนี้ไปก่อน

          สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้กับสุนัขและแมว มีความสำคัญเป็นอย่างมากและต้องเป็นผลิตภัณฑ์ฮอร์โมนที่ทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับสุนัขและแมวโดยเฉพาะ โดยฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป สุนัขและแมวที่เพิ่งฉีดเป็นครั้งแรกจะต้องฉีด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 จะฉีดห่างจากเข็มแรก 3 เดือน และเข็มที่ 3 ฉีดห่างจากเข็มที่ 2 นาน 4 เดือนตามลำดับ จากนั้นจึงค่อยฉีดทุก ๆ 5 เดือน ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์คุมกำเนิดของคน เพราะจะส่งผลข้างเคียงอย่างร้ายแรงและเกิดเป็นผลเสียตามมา

          ส่วนข้อเสีย คือ สุนัขสามารถเกิดภาวะการติดเชื้อที่มดลูกและอักเสบจนเป็นหนองได้ง่าย ซึ่่่งพบเป็นจำนวนมาก ภาวะมดลูกอักเสบเป็นหนอง มีอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้หากไม่รีบทำการรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อเอามดลูกและรังไข่ออก

            การคุมกำเนิดแบบถาวร 

           การคุมกำเนิดแบบถาวร หรือการทำหมัน มีข้อเสียคือ วิธีการทำยุ่งยากและใช้เวลานาน สุนัขและแมวที่จะทำหมันต้องได้รับการวางยาสลบขณะทำ ดังนั้น หากเขามีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมก็อาจส่งผลถึงแก่ชีวิต การทำหมันนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ได้ผลดีและแน่นอนที่สุด ในปัจจุบันยังพบว่าการทำหมันมีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน โดยเมื่อเจ้าตัวโปรดของเราที่มีอายุมากขึ้นก็มักจะมีโรคต่าง ๆ ตามมา รวมถึงภาวะต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานของฮอร์โมน

          ไม่ว่าจะเป็น เนื้องอกเต้านม มะเร็งเต้านม มดลูกอักเสบเป็นหนองในตัวเมีย ส่วนในตัวผู้มักพบภาวะของต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมากและอัณฑะ โดยเฉพาะในรายที่เป็นทองแดง (ซึ่งลูกอัณฑะอยู่ผิดตำแหน่ง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น) และปัญหาต่อมลูกหมากโตมักเชื่อมโยงไปถึงปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ ตามมา ยิ่งเจ้าตัวโปรดได้รับการทำหมันที่อายุน้อยเท่าใดก็จะยิ่งลดโอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการวางยาลงได้มากขึ้นเท่านั้นนอกจากนี้ การทำหมันยังช่วยลดพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างได้ เช่น การก้าวร้าวที่เกิดจากฮอร์โมนได้อีกด้วย

           ทั้งนี้ สุนัขและแมวที่จะทำหมัน ต้องผ่านการตรวจสุขภาพทั่วไปและเจาะเลือดดูการทำงานโดยรวมของอวัยวะสำคัญ จากนั้นทำการนัดหมายวัน เพื่อเตรียมงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนวันผ่า ในแมวเพศเมียสามารถผ่าตัดทำหมันได้ตั้งแต่อายุ 4 เดือนขึ้นไป สุนัขเพศผู้และเมียทำได้ตั้งแต่อายุ 5 เดือนขึ้นไป หลังผ่าตัดควรอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลก่อนอย่างน้อย 1-2 วันแล้วจึงนัดดูแลแผล รวมถึงตัดไหมตามเวลาที่สัตวแพทย์กำหนด
                                              
การผสมพันธุ์-ตั้งท้อง และฝากครรภ์

           เมื่อพวกเขาเข้าสู่วงรอบการเป็นสัด จะสังเกตุได้จากการที่มีเลือดออกจากอวัยวะเพศของตัวเมีย หลังจากนั้น 7-9 วัน จะเป็นช่วงผสมพันธุ์ ซึ่งแบ่งได้เป็นการผสมแบบธรรมชาติและการผสมเทียม หากผสมติดก็จะเกิดการตั้งท้องซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 62-75 วัน ขึ้นกับการนับวันหลังผสม ในช่วงระหว่างนี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพราะสามารถเกิดการแท้งลูกได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี

          เมื่อทราบว่าท้อง ควรพาเขามาพบสัตวแพทย์เพื่อวางแผนการดูแลและตรวจท้องเป็นระยะ ๆ โดยทั่วไปจะทำการอัลตร้าซาวด์ตรวจท้องได้ตั้งแต่อายุท้อง 3 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้เราทราบได้ว่าตัวอ่อนมีสุขภาพเป็นเช่นไร และยังพอกำหนวันดคลอดได้คร่าว ๆ ด้วย และนอกจากนี้การเอกซ์เรย์สามารถบอกจำนวนและขนาดของลูกได้ซึ่งทำได้ตั้งแต่ อายุท้อง 45 วันขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://pet.kapook.com/view7333.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/14073817575199743/

No comments:

Post a Comment