Monday, March 14, 2016

เรื่องราวสุดซึ้ง ชายป่วยคนหนึ่งรับเลี้ยงสุนัขอ้วน แล้วมันก็ช่วยยื้อชีวิตเขา




         เรื่องราวชวนน้ำตาซึมในสายสัมพันธ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างคนและน้องหมา เมื่อต่างคนต่างได้ช่วยชีวิตกันและกัน เป็นเพื่อนร่วมเส้นทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่พลิกชีวิตผู้เป็นเจ้าของขึ้นใหม่ อีกครั้ง แม้สุดท้ายต้องจบด้วยการจากลาตลอดกาล

          สุนัข นอกจากจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์แล้ว ยังมีผลการศึกษาหลาย ๆ ชิ้นในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า การเลี้ยงสุนัขยังทำให้ผู้เป็นเจ้าของสุขภาพดีขึ้นด้วย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ "อีริค โอเกรย์" ชายร่างท้วมชาวอเมริกัน จากซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้พบกับเจ้า "พีตี้" สุนัขตัวใหญ่สีขาว-ดำ ซึ่งเขาตัดสินใจรับเลี้ยงมาจากศูนย์ Humane Society Silicon Valley ในละแวกบ้าน

          เว็บไซต์ NPR ได้หยิบยกหนังสั้นซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างอีริคและพีตี้มาให้ชม โดยคู่ 1 คน 1 ตูบนี้ ได้รับเลือกจากทางศูนย์ให้เป็นตัวอย่างนำเสนอความสัมพันธ์แบบ Mutual Rescue คือทั้งคนและหมาต่างช่วยชีวิตกันและกัน แต่ในคำจำกัดความง่าย ๆ นี้ ยังได้ซ่อนมิตรภาพและความผูกพันเกินประมาณค่าได้ ระหว่างอีริคกับเจ้าพีตี้เอาไว้ด้วย

          ในปี 2010 อีริค ในวัย 51 ปี เผชิญวิกฤตด้านสุขภาพอย่างเลวร้าย เขามีน้ำหนักตัวถึง 145 กิโลกรัม ต้องเสียค่ายาตกเดือนละ 35,000 บาท เพื่อเยียวยาโรคเบาหวานประเภท 2, ความดันโลหิตสูง และระดับคอเลอเตอรอลสูงจัด แพทย์ถึงกับแนะนำให้เขาเตรียมซื้อที่ไว้ฝังศพตัวเองได้แล้ว เพราะดูอาการเขาแล้วไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้เกินอีก 5 ปี

  
         แต่แล้วอีริคก็เจอเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้มาถึงจุดเปลี่ยน เขาตัดสินใจรับการรักษาตามวิถีธรรมชาติ แต่คำแนะนำแรกที่เขาได้มา นอกจากให้ปรับเรื่องอาหารการกิน ก็คือ "ลองรับน้องหมาที่เป็นเหมือนกับคุณมาเลี้ยงดูสิ"

          อีริคตรงดิ่งไปยังศูนย์ช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมใกล้ ๆ บ้าน ขอรับอุปการะสุนัขที่เป็น "สุนัขผู้ใหญ่ตัวอ้วน" และเขาก็ได้พบกับ "พีตี้" เจ้าตูบตัวท้วมลายสีขาว-ดำ ผู้จะมาเป็นบัดดี้เขาในการต่อสู้เพื่อชีวิตใหม่กับสุขภาพที่ดีขึ้น


       อีริคยังได้ทราบประวัติของเจ้าพีตี้อีกว่า มันเป็นสุนัขที่เจ้าของไม่ใส่ใจ ล่ามมันทิ้งไว้ที่หลังบ้าน ไม่เคยพาออกไปเดินเล่น ไม่มีใครเล่นกับมัน และแทบไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับใครเลย ซึ่งก็ไม่ต่างจากตัวเขามากนัก ด้วยรูปร่างที่อ้วนฉุแบบนี้ ทำให้เขาขาดความมั่นใจ และเก็บตัวไม่ค่อยเขาสังคม นับได้ว่าช่างเป็นสุนัขที่เหมือนกับเขามากจริง ๆ


          นับตั้งแต่รับ เจ้าพีตี้มาเลี้ยง อีริคและเพื่อนสี่ขาตัวนี้ก็มีกิจวัตรประจำวันออกไปวิ่งจ็อกกิ้งด้วยกันเป็น เวลาครึ่งชั่วโมงทุก ๆ เช้า การมีบัดดี้ร่วมชะตากรรมมาฝ่าฟันเพื่อสิ่งเดียวกันทำให้การวิ่งเป็นเรื่อง ไม่น่าเบื่อ ในระยะเวลาเพียง 1 ปี การวิ่งร่วมกับการควบคุมอาหาร ทำให้อีริคสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 63 กิโลกรัม ส่วนเจ้าพีตี้ก็ผอมลงตั้ง 11 กิโลกรัม กลายเป็นคู่เจ้าของและน้องหมาที่ฟิตสุด ๆ

  
            ไม่เพียงสุขภาพที่ดีขึ้นเท่านั้น ความรักและความผูกพันที่ต่างคนต่างมีให้กันก็เพิ่มมากขึ้นทุก ๆ วันด้วย พีตี้เป็นทั้งแรงผลักดันและกำลังใจคนสำคัญของอีริค ทำให้เขามีความเชื่อมั่นว่าเขาจะฟันฝ่าทุก ๆ อุปสรรคไปได้ แม้แต่การวิ่งมาราธอน ที่คนเคยอ้วนอย่างเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้มาก่อน

          "พีตี้สอนให้ ผมรู้จักความซื่อสัตย์ภักดีที่ไม่อาจหาได้ที่ไหน และนอกจากความรักไร้เงื่อนไขที่พีตี้มอบให้ผมแล้ว พีตี้มองผมด้วยสายตาราวจะบอกว่า ผมคือคนที่เจ๋งที่สุดในโลกนี้ และนั่นทำให้ผมตัดสินใจว่า ผมจะเป็นคนแบบที่เจ้าพีตี้มองผมว่าเป็นอย่างนั้นให้ได้"



            นับตั้งแต่มีเจ้าพีตี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ชีวิตของอีริคก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาสุขภาพดีขึ้น ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น และแน่นอนว่าได้ลบล้างคำสบประมาทของหมอลง เขาจะไม่ตายในอีก 5 ปีนี้แน่ ๆ...แต่กลับไม่ใช่สำหรับเจ้าพีตี้ อีริครู้ดีว่ามันแก่ลงเรื่อย ๆ และเวลาของมันคงจวนจะมาถึงอีกไม่นาน แต่ก็ไม่เคยคาดคิดจะต้องมาพบว่า พีตี้มีมะเร็งก้อนใหญ่ผุดในร่างกาย และมันลุกลามจนแพทย์ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

  
         และแล้ววาระสุดท้ายของเจ้าพีตี้ก็มาถึง อีริคทำได้เพียงล้มตัวลงนอนกอดเพื่อนสี่ขาแสนรักเอาไว้ ดวงตาคู่ที่เคยเป็นประกายสดใสนั้นจ้องมองมาที่เขา และในตอนนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ว่า พีตี้จากเขาไปแล้ว ตลอดกาล...

          อีริคเผยด้วยน้ำตาคลอว่า เขารักมันมาก เขาเสียใจ และยังคงรู้สึกทำใจไม่ได้นักจนถึงตอนนี้ การที่ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงมาได้ไกลขนาดนี้ เกิดขึ้นได้เพราะเจ้าพีตี้ทั้งนั้น มันคือเหตุผลที่เขาตื่นขึ้นมาวิ่งทุกวัน และพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ไม่ใช่แค่เขาที่ได้ช่วยชีวิตมันไว้ พีตี้ต่างหากที่ได้ช่วยชีวิตของเขา


ภาพจาก Mutual Rescue
http://pet.kapook.com/view143838.html

No comments:

Post a Comment